กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา)

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ระบบ

การมาพบเจอเรื่องของระบบ เป็นคนของระบบ เป็นผู้ที่อาสามาทำงานร่วมกับระบบ ท่านย่อมต้องพบเจอกับเรื่องราวที่เหลือเชื่อมากมาย เรื่องราวที่หาคำอธิบายไม่ได้ แต่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น การที่จะไปยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่ได้รับรู้ ผ่านอายตนะทั้ง 6 นั้น จึงจะไม่เป็นตรงไปตรงมาดังที่คาดหวัง

เมื่อมีความเข้าใจ แม้พบเจอเหตุการณ์ใด ๆ ก็จะมีสติรู้เท่าทัน จึงไม่รีบไปตัดสิน ไม่รีบไปคาดการณ์ ไม่รีบไปคาดหวังว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ในทันทีทันใด เพราะอาจจะไม่เป็นดังที่คิดไว้ก็เป็นได้

ความคาดหวัง ความคิดที่จะไปบังคับบัญชาให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็จะน้อยลง
การที่จะไปยึดมั่นถือมั่น ในความแปรปรวนนั้น ๆ ก็จะน้อยลงตามไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความทุกข์ที่เกิดจากความคาดหวัง ความผิดหวัง ความไม่ได้ดังใจหวัง ก็จะลดน้อยตามไปด้วยเช่นกัน

เพราะ สิ่งที่พบเจอ สิ่งที่สัมผัส สิ่งที่ได้รับรู้นั้น มันจะเป็นอย่างนั้น หรือไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ อย่าไปยึดมั่นถือมั่น อย่าไปคาดคั้นว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะโดยแท้จริงแล้ว เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า สิ่งที่เห็นจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่

จึงต้องใช้การปล่อยวางเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าเหตุการณ์นั้น ๆ จะเป็นอย่างไร

ดัง นั้น สมาชิกของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ที่มีความเข้าใจในกลไกของขันธ์ 5 และเข้าใจการทำงานร่วมกับระบบแล้ว ก็จะไม่ไปยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ในทุกสถานการณ์ที่พบเจอ เพราะในการทำงานกับระบบ จะมีทั้งประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน

ประโยชน์ตน คือเรียนรู้ขันธ์ 5 เพื่อละวางอัตตาตัวตน ออกจากอุปาทานทั้งปวง

และ ประโยชน์ท่าน คือการช่วยเหลือบุคคลอื่น ซึ่งในส่วนนี้ ต้องมีการประสานงานกับคณะบุคคลอื่น ๆ มากมาย และมีการใช้อุปกรณ์จากต่างดาวร่วมด้วย จึงไม่อาจที่จะไปยึดได้ว่านี่เป็นของเรา

ดังนั้น การทำงานเพื่อประโยชน์ท่านนั้น ก็จะแนบประโยชน์ตนไปพร้อมกันด้วย เพื่อไม่ให้ไปยึดว่า สิ่งที่ระบบกำลังทำนั้น อย่าไปยึดมั่นว่า...เป็นจริง เป็นจัง ดังที่เห็น ดังที่ได้ยิน ดังที่สัมผัส

เพราะอาจจะเป็นอย่างนั้น หรือไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ ดังนั้น การที่จะไปเถียงกันหัวชนฝา ว่าข้าจริง ข้าถูก ข้าแน่ ก็จะน้อยลง เพราะจะไม่มีใครแน่ ใครจริง ใครถูก ใครผิด ในแต่ละเหตุการณ์ เพราะทุกอย่างเป็นการสมมุติขึ้นเพื่อการเรียนรู้ และให้ปล่อยวาง ในแต่ละสถานการณ์เท่านั้น

อยู่ที่ว่า สถานการณ์ใด ใครยึดมากก็ทุกข์มาก ใครยึดน้อย ก็ทุกข์น้อย ใครไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์

ดัง นั้น ในรุ่น1 เรียกว่าเป็นรุ่นพบเจอเหตุการณ์เรื่องของมิติมากที่สุดก็ว่าได้ ก็เพื่อให้ได้รับรู้ รับทราบ และเป็นตัวอย่างให้กับเขากะลารุ่นที่ 2 ได้รับรู้ เพื่อที่เมื่อ ได้พบเจอเรื่องมิติ เรื่องอุปกรณ์ เรื่องการย้ายมวลสาร ก็จะได้ไม่ไปยึดมั่น ไม่ไปคาดคั้น ไม่ไปคาดหวัง ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อง่ายต่อการปล่อยวาง

และ เขากะลารุ่นที่ 2 เมื่อพบเจอหลายครั้งเข้า ก็จะเข้าใจ และไม่ไปยึดมั่นถือมั่น ไม่ทุกข์กับสิ่งต่าง ๆ ที่พบเจอ ดังที่อาจารย์หลาย ๆ ท่านได้เล่าไว้ให้ฟังในหลาย ๆ บทความนั้น ก็เพื่อให้รุ่นที่ 3 ที่กำลังเข้ามารับงานต่อเนื่องนั้นได้เป็นตัวอย่าง และทำความเข้าใจ จะได้ไม่ไปทุกข์ฟรีกับสิ่้งที่กำลังทดสอบอยู่ในขณะนี้

นี่เป็นประโยชน์ตนอย่างเดียว ที่พึงได้จากระบบ คือให้ละการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5

ระบบจึงได้มีการทำความเข้าใจในทฤษฏีของระบบ เพื่อให้ผู้ร่วมงานเอาตัวรอดจากความทุกข์ขณะทำงานนั่นเอง


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น