กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา)

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

ข้อมูลของดาวโลกุกะตาปากะดิกอง

-มนุษย์ต่างดาวที่กลุ่มประสานงานเพื่อ การเตือนภัย(เขากะลา) ติดต่อสื่อสารด้วยนั้นมี 2 ดวงดาว เป็นหลัก คือดาวโลกุกะตะปากะดิกอง และ ดาวพลูโต

-ดาว โลกุกะตาปากะดิกองเป็นดาวดวงหนึ่งที่อยู่คนละจักรวาลกับเรา มีความเจริญทางจิตและวิทยาศาสตร์ควบคู่กันไป มีเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าล้ำยุค เป็นมนุษย์ที่อยู่อีกจักรวาลหนึ่ง ซึ่งในวงโคจรของจักรวาลนั้น ก็มีหลายดวงดาว และดาวของเขาก็มีขนาดใหญ่เกือบ 3 เท่าของโลกเรา โลกของเขาหมุนรอบตัวเองวันหนึ่ง 60 ชั่วโมง

- ภูมิประเทศ เป็นดาวที่อยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์ จึงมีอากาศหนาวเย็น มนุษย์จากดาวโลกุกะตาฯ จึงต้องสวมใส่ชุดรัดรูปที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ อุณหภูมิภายในชุดที่สวมใส่จะปรับเองตามความสูงขึ้น หรือลดลง ของอุณหภูมิภายนอก เพื่อคงสภาพอุณหภูมิภายในร่างกายให้คงที่

- บนดาวของเขา ก็มีภูมิประเทศคล้ายโลกเรา มีภูเขา มีแม่น้ำ มีทะเล แต่ไม่มีเรือ(เพราะยานฯของเขาแล่นบนน้ำได้) ไม่มีรถยนต์ ไม่มีรถไฟ ดังนั้นโลกของเขาจึงไม่มีมลพิษ ไม่ต้องมีถนนตัดผ่านให้วุ่นวาย แต่มีจุดจอดยานเป็นแห่งๆสำหรับขนส่งสิ่งของ

- ไม่มีทางเดินที่เป็นถนนสร้างยาวอย่างโลกของเรา แต่เขามีทางกระโดดซึ่งอยู่ห่างเป็นจุดๆ เพราะโลกของเขามีแรงดึงดูดน้อย จะเดินไม่ได้เพราะตัวเบา จึงต้องกระโดด เขากระโดดได้ไกลประมาณ 5 – 6 เมตร จึงสร้างจุดรองรับเป็นช่วงๆระยะห่างประมาณ 5 เมตร

- ในโลกของเขา ก็มีการเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน ในช่วงของการเกิดมรสุม มีการเกิดพายุอย่างหนัก แต่จะไม่เกิดความเสียหาย กับทรัพย์สิน และชีวิต
เพราะเขาพักอยู่ในยานฯ เมื่อเกิดพายุเขาก็จะนำยานฯไปลอยอยู่ในอากาศข้างบนก่อน เมื่อพายุสงบ จึงขับยานฯ กลับลงมาจอด ส่วนที่พักที่อยู่บนพื้นโลกบนดาวนั้น ก็จะสร้างเป็นเพียงฐานสี่เหลี่ยมเตี้ยๆ โผล่ไว้เหนือพื้นดิน มีทางลงไปในใต้ดิน และเป็นที่สำหรับนำยานลงจอด จะมีทางลงไปใต้ดินด้านล่างซึ่งเป็นที่สำหรับพักอาศัยภายในครอบครัว
ซึ่งแต่ละครอบครัวจะมีสมาชิกไม่ เกิน 4 คน คือ พ่อ แม่ และมีลูกได้ไม่เกิน 2 คน ถ้ามีเกินกว่านั้นก็จะผิดกฏ จะต้องโดนไล่ออกจากจักรวาลนั้น
ข้อมูลของดาวพลูโต
“ดาวพลูโต” เป็นดาวที่อยู่ในระบบสุริยะจักรวาลของเรา เป็นดาวที่อยู่ห่างไกลมาก และมีอากาศที่หนาวเย็นติดลบหลายร้อยองศา

-มนุษย์ ที่อยู่บนดาวพลูโต มีอายุยืนหลายหมื่นปี มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสมาธิมาก ซึ่งเขากล่าวว่า เพราะอายุยืนมาก และอยู่กับสมาธิตลอดเวลา ก็ย่อมต้องเชี่ยวชาญเป็นธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

- มนุษย์ที่อยู่บนดาวพลูโตนั้น จะอยู่ในกันรูปแบบของพลังงานเป็นส่วนใหญ่ คืออยู่ในสมาธิเป็นหลัก จึงไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่หนาวเย็น กายหยาบก็มี ซึ่งประกอบด้วยธาตุที่เหมาะสมและทนได้กับสภาพอากาศของดาวนั้น และในการปฏิบัติภารกิจในแต่ละคราว เช่นเมื่อมาปฏิบัติภารกิจในโลกมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติ ก็จะใช้กายหยาบมาร่วมปฏิบัติงานด้วย


- “ ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต” เป็นผู้นำในการฝึกฯ บุคคลกลุ่มหนึ่งบนโลกมนุษย์ เพื่อรับการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นเกี่ยวกับการยกระดับจิตใจของมนุษย์เป็นหลัก
ดังนั้น จึงได้มีการฝึกบุคคลกลุ่มหนึ่งในชื่อ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ให้รับรู้ในระบบการทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว ให้เรียนรู้เรื่องเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว และมอบอุปกรณ์เทคโนโลยีให้ เพื่อที่จะนำไปช่วยเหลือมนุษย์โลกด้วยกัน
มนุษย์จากดาวพลูโต เชี่ยวชาญในเรื่องของมิติมาก จะมีการเดินทางผ่านมิติไปมา มีการเข้าออกมิติ เปิด ปิดมิติ ให้เห็นเป็นตัวอย่างอยู่เสมอ และยังนำมนุษย์เข้า-ออกมิติ โดยที่บุคคลนั้นไม่รู้ตัวเลยมาแล้วหลายครั้ง

- มีการนำตัวอย่าง เครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว และอุปกรณ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากต่างดาว มาให้เรียนรู้ มาให้ทดลองใช้ มาให้ทดสอบ
โดยนำมาทำการรักษาผู้ป่วย ทำการใช้อุปกรณ์สแกนเรื่องต่าง ๆ ได้ ทั้งเห็นภาพล่วงหน้า และย้อนหลังได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการนำมาทดลองใช้ในบุคคลจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่า "คณะแพทย์แผนอนาคต"
แต่จุดมุ่งหมายหลัก มุ่งเน้นการฝึกจิตเป็นสำคัญ ฝึกการปล่อยวางขันธ์ห้า เพื่อเข้าถึงกฏของธรรมชาติ สอนเรื่องทุกข์ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นการสอนในกฏของธรรมชาติ
แต่มีการนำอุปกรณ์ซึ่งเป็น เทคโนโลยีมาประกอบการสอน จึงเป็นการสอนการปล่อยวางที่เข้าใจง่าย และเบื่อหน่ายขันธ์ห้าได้จริง กลุ่มผู้ฝึกฯ ได้มีโอกาสเรียนรู้ พบเห็นเทคโนโลยีของเขามามากมาย จนแน่ใจว่า เรื่องของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะต้องได้รับการช่วยเหลือด้วยเทคโนโลยีจากมนุษย์ต่างดาวอย่างแน่นอน

การเดินทางจากดาวพลูโตมายังโลก จึงมาได้ 2 ช่องทาง

- เดินทางด้วยยานอวกาศฯ โดยผ่านมิติมา และร่วมปฏิบัติภารกิจ กับดวงดาวอื่น ๆ บนโลกมนุษย์ สามารถมองเห็นร่างของดาวพลูโตที่เรืองแสงสว่างได้ด้วยตาเปล่า

- เดินทางมาในรูปแบบพลังงาน เป็นกลุ่มแสงขนาดใหญ่เกิดขึ้นก่อน แล้วจึงเป็นพลังงานลงมา มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เป็นการมาปฏิบัติภารกิจ ที่ไม่ต้องอาศัยกายหยาบ ดังนั้นแม้จะอยู่สถานที่เดียวกันก็มองไม่เห็นเขา

Re: UFO - HAITI 2007 - AMAZING AND SHOCKING

วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

NASA's Alien Anomalies caught on film - A compilation of stunning UFO fo...

ข้อมูลพิเศษเกี่ยวกับยานอวกาศ ของดาวโลกุกะตาปากะดิกอง ... จากต่างจักรวาล





1.) มีโรงงานผลิตยานอวกาศ 400 โรงงาน
2.) ผลิตได้ประมาณวันละ 1,000 ลำ
3.) ยาน ฯ ที่ใหญ่ที่สุด เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,000 เมตร
4.) ยาน ฯ ที่บรรทุกได้ 50 ลำ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 200 เมตร
5.) ยาน ฯ ที่บรรทุกได้ 4 ลำ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 50 เมตร
6.) ยานลำลูก ที่บินอยู่นี้ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร
7.) ยาน ฯ ที่ประชาชนใช้ บรรทุกได้ไม่เกิน 2 ตัน วัดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร
8.) มียาน ฯ เล็ก ขนาดติดตัวเดินทางได้ 1 คน
9.) ยาน ฯ บรรทุกขนาด 50 ลำ มีอยู่ 100,000 ลำ
10.) ยาน ฯ บรรทุกขนาด 4 ลำ มีอยู่ 400,000 ลำ
11.) ยาน ฯ ลูก มีจำนวน 1,000,000 ลำ
12.) ยาน ฯ ลูก มีลูกเรือ 5 คน ต่อ 1 ลำ
13.) ยาน ฯ ที่ประชาชนใช้ จะเป็นยานธรรมดา ไม่มีอาวุธ
14.) ยาน ฯ ที่ใช้ออกรบ จะมีอาวุธ
15.) การสู้รบนั้น มนุษย์ไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้เลย
16.) การรบใช้ยิงด้วยแสงเลเซอร์ เป็นอาวุธทำลาย
17.) ยาน ฯ แม่มีขนาดบรรทุก 50 ลำ จะลอยตัวอยู่ได้ 5 ปี
18.) ยาน ฯ ขนาดบรรทุกได้ 4 ลำ จะลอยตัวอยู่ได้ครั้งละ 100 วัน
19.) การขับเคลื่อน ขับเคลื่อนด้วยพลังแม่เหล็ก และแร่ธาตุบางชนิด
20.) ยาน ฯ นั้น ประชาชนไม่ต้องซื้อ เพราะเป็นของรัฐ รัฐบาลเป็นผู้จ่ายให้
21.) เครื่องบินที่ถูกคลื่นโดยมิได้เจตนา ประมาณ 30 ลำ ขอแสดงความเสียใจด้วย
22.) สถานที่ทำงาน หรือกองบัญชาการ อยู่ภายในยาน
23.) ยานอวกาศของมนุษย์ทั่วโลก ที่ส่งขึ้นไปทั้งที่เปิดเผย และไม่เปิดเผยนั้น ส่งคลื่นไปรบกวนประมาณ 200 ลำ
24.) ยานที่ส่งไปเพื่อสำรวจบนดวงจันทร์นั้น มีคลื่นรบกวน
25.) ยานที่ส่งไปเพื่อใช้สื่อสารนั้น คลื่นไม่รบกวน
26.) ยานไทยคม ไม่มีคลื่นรบกวน

ลักษณะและความเป็นอยู่ของมนุษย์ต่างดาว

1.) มีลักษณะศีรษะโต ตัวเล็กกว่ามนุษย์โลก
2.) ลักษณะท้องจะใหญ่ เนื่องจากมีพลังงานอยู่ที่บริเวณท้อง
3.) ศีรษะมีเรดาห์ ยื่นขึ้นไปในอากาศ เป็นที่รับคลื่น เพราะการสื่อสารของมนุษย์ต่างดาวนั้น สื่อสารกันด้วยคลื่น
ดังนั้น คลื่นที่มนุษย์ส่งขึ้นไป จึงรบกวนมนุษย์ต่างดาว
4.) การติดต่อกัน ติดต่อทางโทรจิต ทางคลื่น
5.) ประชากรมีประมาณ 200 ล้านคน
6.) เป็นชนชาติเผ่าเดียวกันทั้งหมด
7.) การปกครองเป็นประชาธิปไตย ทุกคนต้องรักษาศีล ผู้ใดละเมิดศีล จะต้องถูกลงโทษ
8.) การนับถือศาสนา มีพระเจ้าผู้วิเศษของมนุษย์ต่างดาว คล้ายกับศาสนาพุทธ จึงสื่อสารกันได้
9.) ศาสนาของมนุษย์ต่างดาวรุ่งเรืองกว่าของมนุษย์มากมาย เพราะทุกคนจะรักษาศีลกัน โดยไม่มีกฏหมาย
10.) มีนรก สวรรค์ และ "กฏแห่งกรรม" เป็นของจักรวาลนั้น
11.) มีพระเจ้าองค์เดียว เทียบกับพระพุทธเจ้า
12.) มีผู้วิเศษ 1 คน เทียบกับพระเจ้าแผ่นดิน
13.) มีผู้ช่วยผู้วิเศษ เทียบกับ ราชฑูต 10 คน
14.) รองผู้ช่วยผู้วิเศษ เทียบกับผู้ว่าราชการจังหวัด 1,000 คน
15.) มีแคว้น 1,000 แคว้น
16.) โรงงานผลิตอาหาร ประมาณ 2,000 โรงงาน
17.) อาหารเป็นแคปซูล ทำด้วยผลไม้ยืนต้น คือต้นเคริบ
18.) อาหารกิน 1 ครั้ง อยู่ได้ 1 วัน
19.) โรงพยาบาล ประมาณ 1,000 แห่ง
20.) การรักษา ไม่ใช้ยาฉีด ใช้ยาต้ม และใช้พลังจิตรักษา
21.) คนป่วยไม่ต้องมานอนรักษาที่โรงพยาบาล ให้มารับยาต้ม แล้วใช้พลังจิตรักษาคนป่วย ซึ่งคนป่วยก็อยู่ในยานนั้น
22.) มนุษย์ต่างดาวอยู่บนยาน ซึ่งเปรียบเสมือนบ้าน
23.) มนุษย์ต่างดาวมีอายุ 300 ปี
24.) เวลา 1 วัน จะเท่ากับ 60 ชั่วโมง
25.) อากาศเย็นประมาณ 0 องศา ส่วนมากจึงอยู่ในยาน
26.) ไม่มีฤดูหนาว เนื่องจากอากาศเย็น 0 องศา มีแต่หน้าร้อน กับหน้าฝน
27.) มีแม่น้ำ มีทะเล มีภูเขา ไม่มีภูเขาไฟ
28.) ในทะเลไม่มีเรือ ใช้ยานที่ลอยน้ำได้ ขับเคลื่อนในน้ำได้
29.) ไม่มีรถไฟ รถยนต์ มีแต่ยาน
30.) มีโรงเรียน มีทหาร แต่ไม่มีตำรวจ โดยใช้ทหารแทนตำรวจ ทำโทษผู้ประพฤติผิดศีล

ภาพมิติที่โรงเรียน และภาพต่างดาวข้างกำแพง ที่ทีมงาน blog17 บันทึกไ


ภาพวาดชุดที่ 2 วันที่ 6 ธันวาคม 2540

สถานที่ กลางทุ่งโล่งในจังหวัดสิงห์บุรี มนุษย์ต่างดาวนัดหมายให้ไปชมยานอวกาศ
มียานอวกาศบินมาปรากฏให้เห็นหลายลำ ช่วงนั้น จ.ส.อ.เชิดไม่ค่อยสบาย จะไปชมยานอวกาศไม่ไหว
มนุษย์ต่างดาวจึงส่งคลื่นจากต่างดาว รูปแบบพลังงานมาเพิ่มกำลังให้
และเมื่อคลื่นจากต่างดาวได้ส่งผ่านร่างมนุษย์ ก็ได้ถามเรื่องพลังงานที่ส่งมาให้ ทำไมจึงสามารถส่งมาให้กันได้
มนุษย์ต่างดาวได้วาดภาพอธิบายดังนี้
ภาพแรก (ภาพมนุษย์ต่่างดาวส่งคลื่นพลังงานมาให้มนุษย์โลก)
มนุษย์ต่างดาวบอกว่า เขามีความสามารถในการที่จะส่งพลังงานให้แก่มนุษย์โลกได้ เป็นเรื่องปกติ ดังนั้น การส่งพลังงานที่เป็นเทคโนโลยีมาให้มนุษย์นั้น ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกของเขา สามารถทำได้
และมุมด้านล่าง..... ให้มนุษย์ทำมือในลักษณะดอกบัวบาน เพื่อรับคลื่นพลังงานจากมนุษย์ต่างดาว
ภาพที่ 2 (ชาร์ทพลังงานได้เหมือนแบตเตอรี่)
มนุษย์ต่างดาวบอกว่า คลื่นพลังงานที่ส่งลงมา ก็เป็นเทคโนโลยีของเขา สามารถเติมพลังงานให้ได้ตลอดเวลา
เปรียบเหมือนแบตเตอรี่ของมนุษย์โลก ที่หากไฟหมด หรือไฟอ่อน ก็สามารถไปชาร์ทแบตเตอรี่ได้ แล้วเก็บไฟไว้ในนั้น ทำให้มีกำลังไฟเพิ่มมากขึ้นได้
ดังนั้น ก็เหมือนเขาก็มีแบตเตอรี่ แล้วส่งไฟมาให้มนุษย์โลกได้ใช้ ได้ทำงาน ดังนั้น ผู้ใช้อุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีจากต่างดาว จึงไม่มีขีดจำกัด ในการทำงานทุกรูปแบบ เพราะมีการเติมพลังงานให้จากต่างดาว

อุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาว...ได้ถูกถ่ายทอดให้กับมนุษย์โลกแล้ว

บุคคลกลุ่มหนึ่ง ได้รับการถ่ายทอดอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาวเพื่อนำไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยกันในเวลาที่เกิดภัยพิบัติขึ้นบนโลกใบนี้ โดยได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาวเสร็จสิ้นไปแล้วจำนวน หนึ่ง..
และกลุ่มบุคคลบนโลกใบนี้ ที่มนุษย์ต่างดาวให้ความไว้วางใจ และมอบอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาวให้นำไปใช้ในครั้งนี้ มีชื่อว่า "กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)"

ประวัติ...กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
จุดเริ่มต้น กลุ่มเขากะลา เป็นกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมกลุ่มหนึ่ง นำโดย จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน และครอบครัว ได้รวมตัวกันปฏิบัติธรรมที่เขากะลา จังหวัดนครสวรรค์ จึงมีชื่อเรียกตามสถานที่ ที่ใช้ปฏิบัติธรรมว่า กลุ่มเขากะลา (เปลี่ยนชื่อเป็น"กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)" ปี พ.ศ. 2547)
จากนั้น ได้มีบุคคลจากที่ต่าง ๆ มารวมตัวและปฏิบัติธรรมร่วมกันอีกจำนวนหนึ่ง และนอกจากจะปฏิบัติธรรม และฝึกสมาธิจิตแล้ว ยังได้รับการติดต่อมาจากมนุษย์ต่างดาว ที่มาบอกถึงเรื่องของภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ในอนาคตอัน ใกล้
และเป็นกฏของจักรวาล ที่มนุษย์จากดาวดวงอื่นที่มีความเจริญมากกว่า จะต้องมาให้ความช่วยเหลือดวงดาวที่กำลังจะเผชิญกับภัยพิบัติร้ายแรง ดังนั้น ดวงดาวต่าง ๆ จึงได้มาเตรียมการเพื่อช่วยเหลือมนุษย์บนโลกใบนี้ บนดาวดวงนี้
มนุษย์ต่างดาว จึงได้มาทำการสื่อสารกับมนุษย์โลก ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
ในส่วนของประเทศไทย มนุษย์ต่างดาวก็ได้มีการติดต่อกับหลายกลุ่ม หลายบุคคล และกลุ่มเขากะลาก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการติดต่อจากมนุษย์ต่างดาว และมีการฝึกจากมนุษย์ต่างดาว เพื่อยกระดับจิต แล้วรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากมนุษย์ต่างดาว เพื่อนำไปใช้ช่วยเหลือมนุษย์โลกด้วยกัน ซึ่งมนุษย์ต่างดาว ได้มีขั้นตอนการคัดเลือกบุคคลเข้าร่วมทำงานกับมนุษย์ต่างดาวหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ปี 2540 - ปัจจุบันนี้ 2553 ได้มีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการติดตั้งอุปกรณ์จากต่างดาวแล้วจำนวนหนึ่ง และได้ทดลองนำอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาวไปใช้ในการรักษาผู้ป่วย และสแกนกรรม เพื่อพิสูจน์ว่า
อุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาว นั้น มีประสิทธิภาพ และสามารถใช้งานได้จริง... โดยมนุษย์ต่างดาวให้เรียกคณะผู้ใช้อุปกรณ์จากต่างดาวทำงานในครั้งนี้ว่า คณะแพทย์แผนอนาคต ..... เพราะสิ่งที่กำลังใช้ในขณะนี้ ก็คือเทคโนโลยีล้ำยุคในอนาคต...
นั่นคือ...มนุษย์ต่างดาวจะนำเทคโนโลยีมาให้มนุษย์โลกได้ใช้...ในยามที่เกิดภัยพิบัติขึ้น
เพื่อมนุษย์โลก จะได้มีศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน..นั่นเอง.

ufokaokala.com

ระบบ

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

หากได้ยินชื่อ หลายคนอาจจะมีความคิดว่า ชื่อกลุ่มก็บอกแล้วว่า ประสานงานเพื่อการเตือนภัย แล้วทำไมจึงมีแต่มุมมองของธรรมะ มีแต่การปฏิบัติธรรม มีแต่การมุ่งเน้นให้ปล่อยวาง ให้เห็นความว่าง ละวางอัตตาตัวตน ให้รู้เท่าทันอุปาทานขันธ์ห้า ที่มันไม่ได้เป็นตัวเรา ของเรา

เน้นแต่ปฏิบัติเพื่อออกจากอุปาทานขันธ์ห้ากันอย่างเข้มข้น

แล้ว ยิ่งทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาวด้วยแล้ว เป็นเวลานานนับ 10 ปีแล้ว ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงไม่เตือน ไม่มาปรากฏอย่างชัดเจน ไม่มาฟันธงวันที่จะเกิดภัยพิบัติลงไปเลยล่ะ

แล้วเตือนภัยพิบัติ ตรงไหน?

นี่คือคำถาม ที่หลายคนสงสัย ต้องการได้คำตอบ ต้องการทราบในโครงการของมนุษย์ต่างดาวที่ได้วางไว้

ในวันนี้ จึงต้องแจ้งให้ท่านทราบ ในเรื่องของโครงการระบบ ในเรื่องของการเดินทางมาจากหลายดวงดาว ที่มาโลกมนุษย์เพื่ออะไร?

โลก ใบนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายครั้งหลายหน เกิดภัยพิบัติมาแล้วมากมาย หนักบ้าง เบาบ้าง จุดนั้นบ้าง จุดนี้บ้าง แต่หากไม่มีหลักฐานปรากฏแล้ว มนุษย์ในยุคถัดมาอาจไม่มีการทราบได้

เราจึงได้พบแต่หลักฐานของการล่ม สลาย เจอบ้านเมืองอยู่ใต้พิภพ เจออยู่ใต้ดิน ใต้น้ำ หรือเจอหลักฐานแกะสลักตามผนังถ้ำต่าง ๆ ถึงเรื่องราวของผู้ที่เดินทางมาช่วยเหลือ เป็นแสงจากฟากฟ้า เป็นบุตรจากสวรรค์ หรือเป็นมนุษย์ที่ลอยลงมากับแสง หรือจะอะไรก็ตามเท่าที่มนุษย์ในยุคนั้นจะสามารถวาดภาพ บันทึกภาพ หรือจารึกไว้ในแผ่นหินตามถ้ำเหล่านั้น

นั่นหมายถึง บุคคลเหล่านั้น ต้องเป็นผู้ที่เหลือรอดจากเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ จากยุคนั้น ๆ มาได้

จึงได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ด้วยการแกะสลักตามถ้ำ ตามหินต่าง ๆ เพื่อเป็นการบอกเล่าสืบต่อกันมา

เพราะ ว่าในสมัยนั้น แต่ละจุด แต่ละสถานที่ ไม่สามารถเห็นกันได้ ไม่สามารถรับรู้กันได้ ที่ไหนเกิดอะไร ที่ไหนเป็นอะไร จะเห็นแต่เฉพาะหน้าของตนเท่านั้น

เพราะการสื่อสารไม่มี แม้เกิดห่างไปไม่กี่กิโลเมตร ก็ไม่สามารถรับรู้ได้แล้ว

ดังนั้น การที่จะรู้ล่วงหน้า เตรียมการ เพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในแต่ละครั้ง จึงไม่อาจเป็นได้

จึงต้องมีการช่วยเหลือจากผู้ที่รู้ และเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า จึงจะวางแผนการเพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทัน

ดวงดาวอื่น ๆ บางดวงดาวมีอายุยืนหลายหมื่นปี และมีคุณธรรมตามปกติของผู้ที่รู้ในกฏของธรรมชาติ ที่ต้องให้การช่วยเหลือในโลกใบนี้

ย่อม มีการรู้เห็น ทั้งสิ่งที่ผ่านมาแล้ว และสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ดังนั้น การเตรียมการเพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลกยังจุดต่าง ๆ จึงต้องมีขึ้น

จึงได้จัดเตรียมโครงการ เพื่อให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลกหากเกิดภัยพิบัติในจุดใด ๆ ที่สามารถช่วยเหลือได้ตามกฏของธรรมชาติ

มิ ใช่จะทำการช่วยได้ทุกครั้ง ทุกคน ทุกเหตุการณ์ หากสิ่งนั้นเป็นการเกิดขึ้นตามกรรม วิบากกรรมของสถานที่นั้น ๆ จุดนั้นๆ และเขาเหล่านั้น

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ในสมัยโบราณผู้นำกลุ่มนั้น ๆ จึงต้องได้รับข้อมูลมาจากสวรรค์ มาจากจักรวาล มาจากพระเจ้า หรือมาจากที่ใด ๆ ก็ตาม ที่ส่งมาให้ เพื่อที่จะได้รับทราบล่วงหน้า มีการเตือน มีการนำพา มีการอพยพให้ไปยังจุดต่าง ๆ ที่ปลอดภัย ซึ่งผู้ที่ได้รับข้อมูลมา ก็ได้ทำตามข้อมูลที่ได้รับ จึงยังคงมีมนุษย์ที่สืบต่อกันมานั่นเอง

มนุษย์ต่างดาว ที่ได้วางโครงการนี้ มีอายุหลายหมื่นปี มีการเห็นการรับรู้ สิ่งที่ผ่านมาของโลกใบนี้อย่างยาวนาน นับต่อ ๆ กันมา

มนุษย์ต่างดาว กับโลกใบนี้ จึงเป็นเรื่องที่มีคู่กันมานานแล้ว มิใช่เพิ่งมีในตอนนี้

แต่ เป็นเพียงการเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ตามธรรมดาของผู้ที่มีคุณธรรม และคอยช่วยเหลือในบางครั้ง โดยให้ความเคารพในกฏของธรรมชาติ กฏของจักรวาล

ดังนั้น การที่จะทำอะไรตามอำเภอใจนั้น ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ดาวโลกุกะตาปะกะดิกอง





ภาพวาดจักรวาลโลกุกะตาปากะดิกอง
มนุษย์ต่างดาวจากจักรวาลโลกุกะตาปากะดิกอง สื่อสารทางโทรจิต ผ่าน จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน
เพื่อสื่อสารและให้ข้อมูลกับมนุษย์โลก ด้วย
จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน จึงส่งคลื่นจากต่างดาวผ่านร่างมนุษย์โลก เป็นสื่อรับคลื่นจากต่างดาว คลื่นต่างดาว ได้วาดภาพเพื่อสื่อสารกับมนุษย์ โดยมี
จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เป็นผู้แปลความหมายนั้น
มนุษย์ต่างดาวอธิบายรายละเอียดดวงดาวของเขา ผ่านทางการวาดภาพ โลกของเขา จักรวาลของเขา รูปร่างของเขา ให้มนุษย์โลกได้รับทราบ
จึงขอนำภาพต่าง ๆ ที่วาดโดยคลื่นจากมนุษย์ต่างดาวโลกุกะตาฯ มาให้ได้รับชมกัน
ภาพทุกภาพจึงมีความหมาย เพราะใช้การวาดสื่อสารแทนคำพูด เป็นการบอกเล่าเรื่องราวดวงดาวของเขา ให้มนุษย์โลกได้รับทราบ บอกเรื่องการมายังโลกมนุษย์ ข้อมูลของยานอวกาศ บอกเรื่องรูปร่าง และอะไรอีกมากผ่านภาพวาดเหล่านี้
....
วันที่ 3 ธันวาคม 2540
สถานที่ จังหวัดสิงห์บุรี
เป็นการส่งคลื่นผ่านร่างมนุษย์เป็นครั้งแรก แล้ววาดภาพโลกของมนุษย์ต่างดาว
รายละเอียดประกอบภาพที่ 1
ภาพที่เขียนภาพแรก คือจักรวาลของดาวโลกุกะตาปากะดิกอง จักรวาลของเขาจะใหญ่กว่าจักรวาลของเราเกือบ 3 เท่าทีเดียว


- จักรวาลของเขาก็มีดวงอาทิตย์ มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ มีดวงดาวต่าง ๆ เป็นบริวาณเหมือนกับจักรวาลของเรา แต่มีลักษณะใหญ่กว่า



.....
ภาพที่ 2
ภาพนี้ เป็นการบอกถึงลักษณะของมนุษย์ต่างดาวจากดาวโลกุกะตาปากะดิกอง ที่มากับยานอวกาศดังภาพ

รูป ร่างของมนุษย์ต่างดาวนั้น จะมีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่ใส่ชุดรัดรูปปรับอุณหภูมิได้ มีพลังงานอยู่บริเวณท้อง ตรงบริเวณที่ทำเป็นตารางสี่เหลี่ยมนั้น


บริเวณศรีษะ มีลักษณะคล้ายเสาขึ้นไป แต่จริง ๆ แล้วเขาบอกว่า ไม่ได้เป็นโลหะ หรือเหล็ก แต่เป็นคล้ายเส้นผมของมนุษย์นี่แหละ พันกันเป็นเส้นแข็งแล้วยื่นขึ้นไป ใช้ในการรับคลื่นได้ เพราะมนุษย์ต่างดาวที่เกิดมาตั้งแต่เล็ก ๆ ยังไม่สามารถใช้การสื่อสารด้วยจิตได้ จึงต้องใช้การสื่อสารด้วยคลื่น ผ่านเส้นผมที่เปรียบเสมือนเสาอากาศนี้ในการสื่อสารกับบุคคลต่าง ๆ

ด้านบนซ้าย มนุษย์ต่างดาวเขียนภาพของมด ที่ใช้คลื่นในการสื่อสาร โดยไม่มีการใช้เสียงในการสื่อสาร มดก็ยังต้องมีหนวดยื่นขึ้นไป และใช้หนวดนี้ในการรับรู้ และเพื่อการสื่อสาร มนุษย์ต่างดาว ก็ใช้ผมบนศรีษะ ที่เปรียบเสมือนเสาอากาศ ไว้คอยรับคลื่น และมีการส่งตอบด้วยคลื่นเช่นกัน
.....
ภาพที่ 3
ภาพนี้ เป็นการอธิบายว่า ยานอวกาศของเขานั้นก็มีเสาอากาศรับคลื่นสื่อสาร ระหว่างฐานปฏิบัติการ กับยานอวกาศที่ต้องออกไปปฏิบัติงานภายนอก เมื่อมีการส่งคลื่นไปในอวกาศในระดับที่มีแรงส่งสูง ก็มีการไปรบกวนคลื่นที่เขาใช้ในการสื่อสารกัน

และยานอวกาศ ก็มีที่จอด เป็นฐานสี่เหลี่ยมที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินไว้สำหรับจอดยาน และมีทางลงไปด้านล่าง ซึ่งใช้เป็นที่พักอาศัยได้ เพราะโลกของเขานั้นก็มีการเกิดภัยธรรมชาติเหมือนกัน แต่เมื่อมีการพายุหรือภัยธรรมชาติตามฤดูกาล เขาก็จะขึ้นยานอวกาศไปลอยอยู่ในอวกาศก่อน เมื่อพายุสงบ จึงกลับลงยังโลกของเขาตามเดิม
.....
ภาพที่ 4


ภาพนี้ มนุษย์ต่างดาวอธิบายเรื่องรูปร่างของเขา เขาบอกว่า ร่างของเขาจะเรืองแสงทั้งตัว และแสงนั้นจะสว่างมาก มองเห็นได้ในความมืด และมีพลังงานอยู่บริเวณท้อง

ด้านเสาบนศรีษะ ที่ยื่นขึ้นไปนั้น ก็สามารถรับคลื่นเทคโนโลยีได้แบบเป็นทางการได้ ดังนั้น การคุยกันทางจิตก็มี การต้องรับทราบแบบสั่งการผ่านคลื่นเทคโนโลยีก็มี ดังนั้น เสาอากาศที่ศรีษะนั้น จึงทำหน้าที่เหมือนวิทยุเคลื่อนที่ เพื่อรับคำสั่งจากฐานปฏิบัติการ โดยใช้สั่งการในรูปแบบคลื่นเทคโนโลยี

Slowed down / wicked trick he flash away