กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา)

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ระบบ

มนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา ได้เคยบอกตั้งแต่เมื่อได้สื่อสารมาใหม่ ๆ นับ 10 ปีแล้วว่า ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงไม่ไปใช้ประเทศที่มีเทคโนโลยีมากมายนั้น เป็นฐานในการให้ความช่วยเหลือในเรื่องของภัยพิบัติที่จะเกิดบนโลกใบนี้

แล้วยังถามอีกว่า รู้ไหม? ทำไมประเทศไทยกับ ประเทศอเมริกา จึงอยู่ตรงข้ามกัน คนละซีกโลกกัน

ซึ่งเราก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบในตอนนั้น

มนุษย์ต่างดาวกล่าวว่า เพราะว่า อีกซีกโลกหนึ่งมีความเจริญทางเทคโนโลยี อีกซีกโลกหนึ่งมีความเจริญทางด้านจิตใจ

ดังนั้น สองประเทศนี้ จึงอยู่ตรงข้ามกันคนละซีกโลก

ประเทศ ที่เจริญสูงสุดด้านเทคโนโลยี แต่ไม่มีความเจริญทางด้านจิตใจนั้น การถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไป ก็มีแต่จะใช้ไปในการเบียดเบียนบุคคลอื่น ๆ ประเทศอื่น ๆ มากขึ้น ทำเพื่อปกป้องตัวเองตลอดเวลา ด้วยความกลัว ความหวาดระแวง ความไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าจะเป็นจากมนุษย์โลกด้วยกัน หรือจากมนุษย์จากต่างโลกก็ตาม

กับอีกประเทศหนึ่ง ที่ไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีความไฮเทคใด ๆ มากมาย แต่มีความเจริญทางด้านจิตใจ และอุดมไปด้วยความเมตตาซึ่งกันและกันในส่วนมาก มีความเอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมโลก ไม่เคยแบ่งแยกชาติใด ไม่เคยคิดเอาเปรียบใคร ดังจะเห็นว่า เมื่อก่อนนี้จะมีแต่ความสงบสุข มีแต่ความสงบร่มเย็นเป็นสุข จนเป็นประเทศที่เรียกว่ายิ้มสยาม

แม้ ว่าในตอนนี้ จะเกิดการกระทบกระทั่ง เกิดความไม่สามัคคีกันไปบ้างในบางส่วน แต่โดยรวมแล้ว คนไทยก็มีน้ำใจช่วยเหลือกันมาตลอดแม้ในยามคับขัน และยิ่งในช่วงที่จะเกิดภัยพิบัตินั้น จะมีกลุ่มผู้เสียสละมากมายหลายกลุ่ม หลายคณะ หลายบุคคลเกิดขึ้น มีการเตรียมการเพื่อให้ความช่วยเหลือคนอื่น เตรียมการเพื่อต้านภัยพิบัติ เตรียมการเพื่อยกระดับจิตให้มีการปฏิบัติจิตกันมากขึ้น และพร้อมช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเสียสละ และจริงใจ

นี่คือสิ่งที่ ถูกตรงกับกฏธรรมชาติ ที่ผู้ทรงภูมิปัญญาจากจักรวาลต่าง ๆ ต้องลงมาให้ความช่วยเหลือ ตามสภาวะจิตในแต่ละกลุ่มนั้น ๆ ที่จะต้องอยู่รอดเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกสืบต่อไป

เมื่อมีความ เข้าใจในกฏธรรมชาติ มีความปราถนาดีต่อมวลมนุษย์ด้วยกัน จิตที่มีฐานของความเมตตานี้ ก็สามารถใช้เทคโนโลยีสูงสุดจากต่างดาวได้ไม่มีข้อจำกัด เพราะถึงให้เทคโนโลยีไป ก็มีแต่จะเอาไว้ใช้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อมุ่งหวังประโยนช์ใด ๆ จากเทคโนโลยีนั้นเลย

มนุษย์ต่าง ดาวบอกว่า การมายึดโลกนั้นง่าย ทำแป๊บเดียวก็ยึดได้แล้ว แต่การที่จะให้ความช่วยเหลือ ให้มนุษย์มีความเข้าใจในจุดมุ่งหมายนั้น....ยาก จึงต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจ ต้องค่อย ๆ บอกกล่าว ค่อย ๆ สอนให้เข้าใจในกฏธรรมชาติ ค่อย ๆ ให้พิจารณา และทำตัวอย่างให้รู้ให้เห็น และมอบเทคโนโลยีให้ทดลองใช้เพื่อยืนยันว่า สิ่งที่ได้มาวางโครงการไว้เพื่อช่วยเหลือภัยพิบัตินั้น เป็นเรื่องจริง

เมื่อ ผู้ที่ได้พบเจอ ได้สัมผัส ได้รับทราบจุดมุ่งหมาย และได้ไตร่ตรอง จนมีความเข้าใจในธรรมะ มีความเข้าใจในกฏธรรมชาติ ที่ต้องมีการให้ความช่วยเหลือกันตามธรรมชาติ แล้ว มนุษย์โลกที่ได้รับรู้ในกลุ่มนั้น ๆ จึงไม่ได้ตกอกตกใจ เมื่อมีผู้ที่มาจากดาวดวงไหน ๆ ก็ตาม ที่มาติดต่อสื่อสาร และมาเตรียมการให้ความช่วยเหลือ

ทำไม ผู้ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว ต้องมาอธิบายให้มนุษย์โลกเข้าใจในจุดมุ่งหมาย ที่ต้องมาทำการให้ความช่วย เหลือมนุษย์โลก...จากภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ นั่นก็ เพราะว่ามนุษย์โลกส่วนใหญ่....จะมีความเข้าใจไปในแนวทางของความรัก ตัวกลัวตาย ความกลัวอันตราย ไม่ไว้ใจทั้งประเทศใด ๆ รวมถึงมนุษย์จากนอกโลก ยิ่งไม่น่าไว้วางใจ

ดังนั้น การที่มนุษย์ต่างดาว มาติดต่อกับมนุษย์โลกทั่วโลกนั้น จึงมีการติดต่อกันในหลายระดับ ไม่เท่ากัน

มนุษย์ ต่างดาว ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าของมนุษย์โลกมากมายหลายร้อยเท่านั้น จึงไม่ได้ตื่นเต้นยินดีในเทคโนโลยีที่มนุษย์โลกในประเทศที่เจริญทางด้าน วัตถุผลิตขึ้นมา แต่กับให้ ความสำคัญกับประเทศที่ไม่มีเทคโนโลยีมากมาย แต่มีความเจริญทางด้านจิตใจเป็นหลัก ซึ่งมีความเห็นที่เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล คือเมตตาสงสารเพื่อนร่วมโลก ร่วมชะตากรรมเดียวกัน จิตที่คิดช่วยเหลือนี้จึงมีกำลัง และมีความสำคัญที่สามารถทำงานร่วมกันกับผู้ที่มาช่วยเหลือได้

ดัง นั้น....จึงมีผู้ที่เชื่อ และเหลือรอดได้เข้ามาทำงานกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลาน้อยเต็มที เพราะ เป็นการยากที่จะเข้าใจ ยากที่จะเชื่อได้

ดังที่มนุษย์ต่างดาวได้กล่าวไว้ว่า "มนุษย์ต่างดาวไม่ได้เป็นความลับ แต่บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ จึงยังเป็นความลับต่อไป"

เรา กำลังทำเรื่องที่เชื่อได้ยาก แม้จะทำอย่างเปิดเผย บอกไปทุกอย่างเท่าที่มนุษย์ต่างดาวได้บอกไว้ให้มนุษย์ได้รับรู้ เปิดเผย ให้ทราบ แต่ก็ยังไม่มีใครเชื่ออยู่ดี...

จึงควรปล่อยวาง .... กับความไม่เข้าใจของบุคคลอื่น ๆ แล้วมุ่งปฏิบัติเพื่อยกระดับจิตใจ ปล่อยวางให้ได้มากที่สุด เพื่อละอัตตา ละการยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์ 5 ให้ได้ จะได้เป็นฐานในการช่วยเหลือผู้อื่น

แม้บุคคลอื่น ๆ เขาจะเข้าใจ หรือไม่เข้าใจ....แต่โครงการของมนุษย์ต่างดาว...ก็ยังต้องให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลก...อยู่นั่นเอง.


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น