กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา)

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ระบบ / การปฏิบัติ เพื่อออกจากทุกข์

ขออนุโมทนา และเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทำงานกับระบบ แม้ว่าจะดูย่ำแย่ในสายตาของคนทั่วไปก็ตาม

แต่หากมีความเข้าใจ มีมุมมองที่เห็นความเป็นจริงของธรรมชาติได้


คุณจะต้องขอบใจ ในความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่


เพราะความทุกข์ มีโทษมหันต์ สำหรับผู้ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5

แต่มีคุณอนันต์ สำหรับที่ผู้ปราถนาจะออกจากทุกข์ ออกจากการยึดมั่นถือมั่น เพื่อหลุดพ้นจากอุปาทานของขันธ์ 5

แล้วไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก


ต้องมีทุกข์ก่อน จึงจะออกจากทุกข์ได้



ต้องเห็นทุกข์

รู้เหตุแห่งทุกข์
รู้ทางดับทุกข์
และต้องเดินตามแนวทางปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์
ตามที่พระพุทธองค์ท่านทรงชี้ทางไว้แล้วนั้น

วันนี้ เราเห็นทุกข์

เรารู้เหตุแห่งทุกข์
และรู้ทางดับทุกข์ ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนแล้ว
ที่เหลือคือ การปฏิบัติ เพื่อออกจากทุกข์นั้น

นี่คือสิ่งที่ยังมองเห็นไม่ชัด ปฏิบัติยังไม่ตรงเป้าหมาย จึงยังเห็นไม่ได้ ยังรู้ไม่เท่าทันกลไกของขันธ์

จึงยังต้องถูกมันพาไปเกาะติด กับความคิด ความรู้สึก อารมณ์ทั้งหลาย
เมื่อหลงยึดตามไป ทุกข์ทั้งหลายก็ตามมา

เมื่อมันชวนตามไป แล้วไม่สนใจ

ความสำคัญนั้น ๆ มันจะน้อยลงทันที เพราะเห็นเป็นเพียงแค่ความคิด แค่การปรุงแต่ง แค่อารมณ์ทั้งหลายเท่านั้น

อย่าให้ความสำคัญกับมันเท่านั้น แยกสติออกมา อย่าไปจับจ้อง อย่าไปจมอยู่กับอารมณ์ กับความรู้สึกนั้น ๆ

ถ้าให้ความสำคัญ มันจะมีอิทธิพลในทันที

เทคนิค....การแยกสติแบบง่าย ๆ


ให้แยกสติไปอยู่จุดอื่น เรียกว่าเบี่ยงเบนความสนใจ แยกไปอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในขันธ์ 5 ในท่ายืน เดิน นั่ง นอน ก็ได้



เช่น เคาะนิ้ว ขยับมือ หรือขยับแขน ขยับขา เพราะขยับเขยื้อนที่จุดใด หรือจดจ่อที่จุดใด สติจะวิ่งไปยังจุดนั้นโดยอัตโนมิติ เรียกว่าเรียกสติแยกออกมาจากจุดเกิดเหตุ คือการจมอยู่กับอารมณ์ กับความคิดทั้งหลาย หรือจะไปอยู่ที่ลมหายใจ ที่ใด ๆ ที่เคยฝึกสมาธิมา ก็ได้


เรียก ว่า หาทางให้มันแยกจากกัน วงจรนั้นจะถูกตัดขาด กำลังเบื่อหน่าย หดหู่ พอสติแยกไป วงจรที่กำลังอินในความหดหู่ เบื่อหน่ายก็จะขาดตอน


นี่ คือ เทคนิค หรืออุบายง่าย ๆ ที่เรียกให้สติแยกออกมา แล้วใช้ปัญญาฟันซ้ำ อ้อ...ดันเผลอเข้าไปให้ความสนใจกับอารมณ์ แล้วไปรับเอาอารมณ์ของขันธ์ มาอุปาทานว่าเป็นของเรานี่เอง


เมื่อแยกออกมา แล้วบอกมันดัง ๆ ว่า ฉันอยู่ที่นี่ ฉันอยู่กับความสงบ กับสติ กับสมาธิ

ที่กำลังคิด กำลังปรุง กำลังห่อเหี่ยว ฟุ้งซ่านมากมาย ที่แท้ก็เป็นแกรวมหัวกัน คือขันธ์ทั้งหลายเท่านั้นเอง

(ใน ขั้นตอนนี้ จะให้เห็นว่าไม่มีตัวตนในขันธ์เลยยังไม่ได้ เพราะมันจะยังไหลไปรวมกันกับทุกข์อยู่ ยังคงสมมุติว่ามี...ฉัน(สติ) ดูแก(ขันธ์ 5)...อยู่ก่อน เพื่อให้เห็น ว่ามีผู้ดู กับผู้เล่น เป็นคนละชิ้นกัน เพื่อเอาตัวรอดจากทุกข์มาก ให้กลายเป็นทุกข์น้อยก่อนในขั้นต้น)


ถ้ามีที่ให้อยู่ มีที่ให้แยกไป จะมีสติเห็นได้ในขณะที่ขันธ์กำลังปรุงแต่ง

มันกำลังคิด กำลังห่อเหี่ยว กำลังหดหู่ กำลังเจ็บปวด เบื่อหน่าย

เพราะมีผู้ที่แยกออกไปอยู่อีกที่หนึ่ง กำลังดูผู้ที่แสดงอีกที่หนึ่ง


นี่คือตัวสติ กำลังดูการเล่นละครของขันธ์ 5 ที่ปรุงแต่งออกมาหลากหลายอารมณ์



อย่าไปรวมกับมัน จะได้เห็นมันถนัด ๆ เจ็บได้ ปวดได้ เบื่อได้ เซ็งได้ แล้วแต่มันจะปรุงแต่งอะไรในขันธ์


แต่ทุกข์กินไม่ได้ เพราะไม่มีใครไปอุปาทานเอาการปรุงแต่งในขันธ์นั้น ๆ มาเป็นทุกข์ฉันนั่นเอง


เป็น เทคนิคการแยกสติแบบง่าย ๆ เมื่อมีสติเห็น ความคิด อารมณ์ การปรุงแต่งทั้งหลาย จะสังเคราะห์ปัญญา รู้เท่าทันว่า อ๋อ...ไอ้เจ้าขันธ์ มันทำงานตามหน้าที่ของมัน คืองานผลิตทุกข์อีกแล้ว


เพื่อที่จะไม่ไปรับเอาทุกข์จากขันธ์ มาเป็นของฉันเต็ม ๆ



ขอให้เข้าใจว่า ทุกข์ก็มีคุณอนันต์ ทำให้เห็นขันธ์เป็นสิ่งน่าเบื่อหน่าย จึงคลายกำหนัดในขันธ์ 5 เหล่านั้น


เพราะหากคุณไม่เห็นทุกข์ คุณย่อมไม่เห็นธรรม

หากคุณไม่เคยทุกข์ คุณย่อมไม่ขนขวายหาธรรม
หากคุณสุขสบาย ก็คงไม่ย่างกรายเข้าหาธรรม

คิดว่า เรายังโชคดีมากมาย ที่มีโอกาสเจอทุกข์แล้ว ยังเข้าใจธรรมได้ นับว่ามีหนทางออกจากทุกข์ได้เช่นกัน


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น