กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา)

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

ระบบ / ทำไมมนุษย์ต่างดาวไม่ปรากฏตัวให้เห็นแบบเป็นทางการไปเลยล่ะ

1.ไม่สมเหตุสมผลเลยที่มนุษย์ต่างดาวเดินทางมายังโลกของเราเป็น ระยะทางหลายล้านปี แสงเพื่อมาหลบๆ ซ่อนๆ มิสู้เปิดเผยตัวตน แสดงเจตนารมณ์ และติดต่อกันอย่างเป็นทางการดีกว่าหรือ?

จากการที่ได้สัมผัส และรับรู้ข้อมูลจากทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มานานพอสมควร จึงทำให้ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของการที่มนุษย์ต่างดาวทำไมถึงต้องเดินทาง มายังดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้

มนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารมายัง กลุ่มนั้น ได้บอกวัตถุประสงค์ไว้ชัดเจนว่าต้อง การที่จะมาช่วยเหลือมนุษย์ในช่วงที่จะ เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นในโลกใบนี้ ซึ่งตรงนี้ก็บังเอิญมาตรงกันกับพุทธทำนาย คำภีร์ไบเบิ้ล พระเกจิอาจารย์ที่ทรงอภิญญาหลายรูป หลายองค์ ว่าจะมีเหตุการณ์ดัง กล่าวเกิดขึ้นจริง อย่างน้อยก็เพื่อนๆ ในเว็ปพลังจิตนี้ ที่มีการรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติกันขึ้น และมีการทำงาน มีการวางแผน รวมถึงการแจ้งเตือนด้านภัยพิบัติควบคู่กับธรรมะมา โดยต่อเนื่อง และเป็นรูปธรรมด้วย ในขณะที่แนวโน้มความหนักหน่วงของภัยธรรมชาติก็มีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น แล้วยังขยายวงกว้างออกไปในเขตพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดภัยพิบัติเช่นว่านั้นมา ก่อนด้วย

2.มนุษย์ต่างดาวรู้ว่าจะเกิดอะไรกับโลกใบนี้ แล้วทำไมไม่ใช้เทคโนโลยีทำให้มันไม่เกิดล่ะ

ก็ มันเป็นกฎธรรมชาติ การแปรปรวนของธรรมชาติมันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วมันก็ใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์ต่างดาวซึ่งก็ต้องอยู่ในกฎธรรมชาตินี้ด้วยจะ ไปทัดทานได้ ดาวของเขาเองก็ต้องมีเรื่องภัยธรรมชาติหรือการแปรปรวนของกฎธรรมชาติ แต่เขามีเทคโนโลยีที่จะเอาตัวรอดได้ เช่น อาศัยอยู่ในยานบิน แล้วบินหนีไปหลบให้ห่างหน่อย พอสงบดีแล้วก็กลับมาจอดมาอาศัยต่อไปใหม่ได้

ใน โลกเราเอง ณ เวลานี้ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกกำลังละลายในอัตราที่สูงกว่าอัตรา การละลายในอดีตเป็นทวีคูณจนนักวิทยาศาสตร์ต่างลงความเห็นว่า ในอีกไม่กี่ปี หมีขั้วโลกจะต้องจมน้ำตายกันหมดเพราะอาศัยอยู่บนก้อนน้ำแข็ง สมมุติว่ามนุษย์เรามีการวางโครงการณ์ที่จะไปอพยพบรรดาหมีที่อาศัยอยู่ที่ ขั้วโลกตามจุดต่างๆ ซึ่งก็ถือว่ากว้างขวางมากในสายตาของมนุษย์เรา ตามหลักมนุษยธรรมเราอยากจะช่วยให้ได้ทุกชีวิต เพื่อที่จะนำพามาสู่ในที่ที่หมีขั้วโลกสามารถดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ แต่ในความเป็นจริงเราคงช่วยไม่ได้หมด

มนุษย์เราก็ย่อมทราบดีว่าหมี ขั้วโลกนั้นดุร้าย ถ้าเข้าใกล้ก็คงต้องถูกทำร้ายอย่างแน่นอน แต่เราก็ยังยืนยันกันว่าต้องช่วย และอยากจะช่วยให้ได้มากที่สุดด้วย ซึ่งในขณะที่ดำเนินการช่วยเหลืออยู่นั้น อาจมีใครถูกทำร้ายบ้าง เราก็ยังจะช่วยอยู่ดี เพราะเราเข้าใจธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้ดีว่าดุร้าย ก็มันเป็นสัญชาติญาณของมันเอง นี่เรื่องสมมุตินะ

3.มนุษย์ต่างดาวมาตั้งไกล แล้วทำไมมาทำลับๆ ล่อๆ ไม่มาปรากฏตัวหรือติดต่อกันอย่างเป็นทางการไปซะเลย?

ก็ เพราะเขาทราบดี ว่ามนุษย์เรามีอุปนิสัยเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าเขาเห็นเราเลวร้ายหรือเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมาเอง นะครับ เป็นเพราะเขาเคารพเหตุปัจจัย เห็น ความเป็นเช่นนั้นเองของมนุษย์ การที่เขาจะมาเพื่อช่วยเหลือในช่วงที่เกิดภัยพิบัติก็ต้องมีการเตรียมการ การวางแผน วางโครงข่ายต่างๆ ทั้งทางด้านสถานที่ที่ต้องคำนวนให้ดีว่าที่ไหนจะปลอดภัย ด้านอาหารการดำรงชีพ ด้านการติดต่อสื่อสารที่เปรียบเสมือนจะต้องมีล่ามที่ได้รับความไว้วางใจจาก มนุษย์ด้วยกัน ด้านสถานที่ที่จะลงมาติดต่อสื่อสารด้วย และที่สำคัญคือระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะมาแสดงตัว


4. ถ้าสมมุติว่าวันนี้ พรุ่งนี้เขามาลงจอดเลย เอาแถวๆ สนามหลวงก็ได้ ถามว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

ผู้ คนต้องแตกตื่นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ของการมาในครั้งนี้ แน่นอนมนุษย์ก็มีสัญชาติญาณระแวงภัยเหมือนกัน ออกจะมากกว่าสปีชี่อื่นด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็คงจะมีแต่กองกำลังมาห้อมล้อมแทนฝูงชน ชาติมหาอำนาจต่างๆ ก็อ้างสิทธิปกป้องความมั่นคงของโลก แล้วถือวิสาสะมาล้อมสนามหลวงด้วย และแน่นอนว่าต้องติดอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดที่ตัวเองมีอยู่มาด้วย แล้วมีคำถามอีกว่ามนุษย์ต่างดาวเขาจะคุยกับใคร ด้วยภาษาอะไรได้หรือครับ ถ้าเป็นภาษามือก็อาจจะไม่เข้าใจกันเพราะเขาอาจจะไม่มีมือข้างละห้านิ้ว เหมือนเราก็ได้ ก็อุปมาอุปมัยเหมือนเจตนาจะไปขนย้ายหมีขั้วโลก แต่เดินไปตัวเปล่าในวงล้อมของหมีขั้วโลกนั่นแหละ เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลนี้มนุษย์ต่างดาวจึงยังไม่มาปรากฎตัวอย่างเปิดเผยให้ มนุษย์เดินดินอย่างเราๆ ได้เห็นกันจะจะ(ทุกคน) ยังไงล่ะ


5. ช่วยบอกคร่าวๆเกี่ยวกับภัยพิบัติ และการช่วยเหลือได้มั้ย?

จาก ข้อมูลที่ทราบกันแล้วคือ มนุษย์ต่างดาวจะมาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังจากที่เกิดภัยพิบัติแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการประสานงานเพื่อการเตือนภัย(ดังชื่อกลุ่มฯ)ในขณะ ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติอย่างแน่นอน และภัยพิบัติที่กล่าวถึงนี้ คง จะไม่ใช่ภัยพิบัติที่มนุษย์ด้วยกันสามารถที่จะช่วยเหลือกันเองได้ แต่จะต้องเป็นภัยที่ใหญ่เกินกว่าที่ใครจะช่วยเหลือใครได้แม้แต่ตัวเอง จนถึงขนาดที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความเจริญจากดวงดาวอื่นๆ ทั้งในและนอกระบบสุริยะจักรวาลของเรา


6. มนุษย์ต่างดาวที่มาให้ความช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติ แตกต่างหรือเหมือนกับมนุษย์โลกอย่างไร?

มนุษย์ ต่างดาว ไม่ว่ารูปขันธ์ของเขาจะเหมือนมนุษย์โลกของเรา หรือแตกต่างกันมากมายอย่างไรก็ตาม ก็คงไม่มีเทคโนโลยีที่มีความสามารถไปยับยั้งความแปรปรวนตามกฎของธรรมชาติของ โลกหรือดวงดาวดวงไหนได้ทั้งดวง หรือสมมุติว่าจะเกิดสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกัน จะ ยิงนิวเคลียร์กัน มนุษย์ด้วยกันเองก็ยังไม่สามารถที่จะห้ามกันได้เลย ถ้ามนุษย์ต่างดาวเข้าไปห้ามก็คงจะยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ แล้วกรณีการที่จะ ไปให้ความช่วยเหลือก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ เช่น จะไปช่วยผู้ที่ถูกกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดนิวเคลียร์ก่อนที่จะมีการทิ้ง ระเบิดกันจริงๆ จะเป็นไปได้อย่างไร หรืออีกกรณีตัวอย่างหนึ่ง เช่น แม้เราจะรู้ก่อนว่าจะเกิดพายุนากีสพัดผ่านเข้าประเทศพม่า จะมีความรุนแรงของพายุสูง อย่างดีเราก็แค่เตือนให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหาทางป้องกัน หรืออพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย แม้กระนั้นหลังจากเกิดพายุแล้วก็ยังมีความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินกัน เป็นจำนวนมาก แต่สมมุติถ้าเรามีเทคโนโลยีที่สามารถคำนวณได้ว่าจะเกิดพายุนากีสตั้งแต่ก่อน ที่พายุจะตั้งเค้าล่ะ จะเข้าไปเตือนภัยพม่าให้อพยพซะก่อนที่จะมีความสูญเสีย ก็คงจะไม่มีใครเชื่อ ยิ่งบางเหตุการณ์ในช่วงชีวิตของเขายังไม่เคยเจอมาก่อนก็ยิ่งไปกันใหญ่

โลก เราปัจจุบันยังมีแต่เพียงผู้นำประเทศต่างๆ และผู้นำประเทศมหาอำนาจต่างๆ ที่พยายามจะแก่งแย่งชิงดีกันในทางโลกเพื่อที่จะนำประเทศของตนก้าวขึ้นไปเป็น ประเทศมหาอำนาจของโลก ซึ่ง ณ ปัจจุบันเราก็จะเริ่มเห็นสัจจธรรมความไม่เที่ยงของประเทศที่กล่าวกันว่าร่ำ รวย เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกกันบ้างแล้ว ดังนั้นการที่ใครจะข้ามจักรวาลมาคุยกับใคร ด้วยภาษาอะไร ถึงเรื่องอะไรที่ยังไม่มีเค้าลางว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่ไหน เมื่อไร อย่างไรนั้น ก็คงเป็นเรื่องที่ผู้ที่เจริญด้วยสติปัญญาและเทคโนโลยีที่จะมาให้ความช่วย เหลือนั้นย่อมตระหนักดีอยู่แล้ว

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือน ภัย(เขากะลา) คงไม่มีศักยภาพไปเทียบถึงขั้นระดับผู้นำประเทศใดๆ ในการเตรียมการให้ความช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติแก่ใครได้เลยในขณะนี้ เพียง แต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมตามที่ผู้ที่มีความเจริญทางสติปัญญาเห็นสมควร แล้ว กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ก็คงจะต้องทำหน้าที่ประสานงานเพื่อการเตือนภัยด้วยรูปธรรมที่ทำให้การช่วย เหลือเรื่องภัยพิบัติต่างๆ นั้นสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน เพราะมนุษย์ต่างดาวเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ เราเป็นเพียงผู้ประสานงานฯ

ผู้ ที่เป็นชาวพุทธอย่างเราๆ ท่านๆ คงจะต้องมีความเชื่ออย่างถูกต้องตรงกันว่าโลกของเราใบนี้ในช่วงเวลานี้นั้น ย่อมต้องเคยมีพระพุทธองค์อุบัติมาแล้วถึง 4 พระองค์อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเราเชื่อมั่นในคำตรัสคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม แต่เราก็ไม่สามารถเสาะหาพยานหลักฐานเป็นวัตถุหรือรูปธรรมใดๆ ที่จะแสดงให้เห็นถึงอารยะธรรมของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้เลย ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าความแปรปรวนไม่เที่ยงของโลกธาตุของโลกเราที่ย่อมต้อง เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาด้วยความเป็นเช่นนั้นเอง

ดังนั้นเรา จึงไม่สามารถจะตอบปัญหาได้ชัดเจนนักว่ามนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือน เคยมาช่วยเหลือด้านภัยพิบัติในโลกของเรามาบ้างแล้วหรือไม่อย่างไร แต่ถ้าเกิดว่ามนุษย์ต่างดาวเคยเดินทางมาให้การช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติใน โลกของเราแล้ว นั่นก็หมายถึงว่าภัยพิบัตินั้นๆ ก็คงต้องยิ่งใหญ่จนมีผลกระทบต่อการดำรงค์เผ่าพันธุ์ของมวลมนุษยชาติต่อไป อย่างแน่นอน และในครั้งนี้ก็เกรงว่ามนุษย์ต่างดาวก็คงจะมาเพื่อให้ความช่วยเหลือมนุษย์ โลกของเรา ด้วยเหตุผลเดียวกัน คงไม่มาแทรกแซงทางอารยะธรรมของโลกแค่เรื่องการทะเลาะเบาะแว้งกันเองในสงคราม ต่างๆ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มนุษย์ด้วยกันเองก็ยังสามารถช่วยเหลือกันเองได้ หรอก

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

1 ความคิดเห็น:

  1. ดิฉันชอบอ่านนิทานที่ปู่ฤาษีเขียนเรื่องจุไรท่องดวงดาว...ชอบมากค่ะ ดิฉันเชื่อในสิ่งที่ปู่เขียน ..และที่กลุ่มเตือนภัยเขากะลาเขียนให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการมาของเขาเหล่านั้นแล้วดิฉันรู้สึกว่าซาบซึ้งใจมากค่ะ...ที่เขามีจิตใจที่ดีงามอยากช่วยให้พวกเราชาวโลก...รอดพ้นจากภัยพิบัติ...ถ้าติดต่อพวกเขาได้ก็ขอขอบพระคุณแทนพวกเราชาวโลกด้วยนะคะ
    จะแวะมาเยี่ยมที่เว็ปนี้บ่อยบ่อยนะคะ

    จาก..จันทิพา

    ตอบลบ