กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา)

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ระบบ/ทำไมมนุษย์ต่างดาว จึงกล่าวว่า...ความลับไม่มีในโลก

เมื่อ มนุษย์คิดสิ่งใด...ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงรู้ว่ามนุษย์โลกคนนั้น กำลังคิดอะไร กำลังจะทำอะไร ทั้ง ๆ ที่บุคคลนั้น ยังไม่ทันได้พูดด้วยซ้ำ

นั่นเป็นเพราะว่ามนุษย์ต่างดาว อ่านจากคลื่นความคิดของบุคคลนั้น ๆ นั่นเอง

เพราะความคิด ที่มนุษย์คิดว่า...เป็นความลับของเขานั้น... แท้จริงแล้ว มันไม่ได้เป็นความลับอย่างที่เข้าใจ

มาลองฟังข้อความจากมนุษย์ต่างดาวที่ได้เคยบอกไว้หลายปีแล้วนั้น กันอีกครั้ง

"ความลับไม่มีในโลก"

นี่คือข้อความจากมนุษย์ต่างดาว

ซึ่งในตอนนั้นเราก็ยังงง ๆ ว่า ทำไม ? ความลับจึงไม่มีในโลก

ระบบได้อธิบายให้ฟังว่า

มนุษย์ เราเมื่อคิดอะไร จะเป็นคลื่นความคิดกระจายออกไปจากหัวของเรา มันเป็นคลื่น เป็นวิทยาศาสตร์ เพียงแต่ว่ามนุษย์ยังไม่สามารถคิดค้นเครื่องแปลคลื่นเหล่านั้น ออกมาเป็นข้อความได้ จึงไม่อาจทราบได้ว่าบุคคลนั้นกำลังคิดสิ่งใด

เหมือน เมื่อก่อนนั้น แสงที่ออกมาจากร่างกายของเรา ที่เรียกว่าแสงออร่า ซึ่งมีหลายสี แต่ละสีก็หมายถึงสภาวะจิตในตอนนั้น ภาวะสงบ หรือภาวะฟุ้งซ่าน หรือปฏิบัติธรรมมามาก ก็จะมีสีสันแตกต่างกันออกไป

ในตอนนั้น เมื่อวิทยาศาสตร์ยังไม่เจริญ ยังไปไม่ถึง ก็เลยเห็นได้เฉพาะคนที่ฝึกสมาธิ ฝึกจิตอย่างเชี่ยวชาญ มีความละเอียดของสภาวะจิต ก็จะสามารถมองเห็นแสงออร่าของบุคคลอื่นได้ และสามารถรู้เห็น หรือทายทักสภาวะอารมณ์ในขณะนั้นได้

แต่ตอนนี้ วิทยาศาสตร์เจริญมากขึ้น สามารถคิดค้นเครื่องถ่ายแสงออร่าออกมาได้แล้ว ซึ่งก็จะเห็นแสงออร่าที่แตกต่างตามสภาวะจิตของบุคคลนั้น ในขณะนั้น

แสงออร่า ....จึงกลายเป็นเรื่องที่....ไม่ใช่สิ่งแปลกอีกต่อไป เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญไปถึง

แสงออร่า ที่เคยเป็นความลับของบุคคลนั้น ก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป


สิ่งที่มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ความคิดก็ไม่ใช่ความลับ .... เพราะความลับไม่มีในโลก

นั่น คือ เมื่อคิดสิ่งใด บุคคลอื่น ๆ ก็จะสามารถรู้ได้ แม้บุคคลนั้น จะเข้าใจว่าเราปกปิดเรื่องนั้นไว้ไม่บอกใครก็ตาม นั่นเป็นเพราะว่า...

ความ คิด...เป็นคลื่น เป็นคลื่นความคิด เป็นวิทยาศาสตร์ เมื่อคิดอะไร คลื่นความคิดก็จะแผ่กระจายออกมาจากสมองของเรา แม้จะคิดอยู่คนเดียว รู้อยู่คนเดียว เหมือนกับว่า .. นี่คือความลับที่อยู่ในหัวของเราคนเดียว แต่แท้จริงมิใช่เช่นนั้น เมื่อคิดสิ่งใด สิ่งนั้นได้ถูกส่งออกไปแล้วในทันที

ดังนั้น ผู้ที่มีจิตละเอียด ผู้ที่ปฏิบัติสมาธิ ผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านจิต จึงสามารถเห็นคลื่นความคิดเหล่านั้น อ่านคลื่นความคิดเหล่านั้นได้ แปลข้อความออกมาได้ จึงรู้ว่า บุคคลนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนั้น

จึงเหมือนเรื่องเหลือเชื่อ เรื่องมหัศจรรย์ที่คนอื่นนั้นรู้วาระจิตของเราได้ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

แต่ ความจริง สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ แต่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึงเท่านั้น จึงเหมือนเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ สำหรับมนุษย์โลก

แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมนุษย์ต่างดาว หรือสำหรับผู้ที่มีความเจริญทางจิต ที่มีคลื่นจิตละเอียดจะสามารถรับคลื่นความคิดจากบุคคลอื่นได้ ดังนั้น ผู้มีความเจริญทางจิต เขาจึงส่งความคิดถึงกันด้วยคลื่นความคิด โดยไม่ต้องใช้คำพูด หรือจะเรียกว่าสื่อสารทางจิต ส่งกระแสจิต ส่งโทรจิต หรือจะเรียกใด ๆ ก็ตาม ก็คือการติดต่อกันได้ โดยไม่เกี่ยวกับระยะทาง

เช่นเดียวกัน หากในอนาคตข้างหน้า วิทยาศาสตร์เจริญขึ้น มนุษย์ก็จะสามารถคิดค้นเครื่องแปลคลื่นความคิด ออกมาเป็นข้อความได้เช่นกัน

เมื่อนั้น ความคิดก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

ซึ่ง ตอนนี้ วิทยาศาสตร์ของเราแม้จะยังไม่เจริญไปถึงผลิตเครื่องมือแปลความคิดของคนอื่น ได้ก็ตาม แต่ก็กำลังพัฒนาเครื่องมืออยู่ในขณะนี้ คือสามารถผลิตเครื่องจับเท็จได้แล้ว คือรู้ความคิดของคนนั้นแล้ว ว่าพูดจริงหรือไม่จริง แม้จะยังไม่สามารถพัฒนาจนถึงแปลเป็นข้อความออกมา ได้ แต่ก็อาศัยรับรู้จากการเต้นของหัวใจ หรือการแสดงออกในความคิดรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งมันฟ้องออกมาเป็นคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน

เพียงแต่ยังไม่เจริญไปจนถึง...ผลิตเครื่องแปลความคิดออกมาเป็นคำพูดได้เท่านั้น

แต่มนุษย์ต่างดาว เขาไปไกลกว่านั้น เขาจึงผลิตเครื่องมือแปลคลื่นความคิดได้...แล้วเอามาให้ใช้ในยามจำเป็น

นี่คืออุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งของมนุษย์ต่างดาว ที่ผลิตมาให้ใช้ตามความจำเป็นของแต่ละงาน

จึงไม่ได้หมายความว่า ผู้ใช้อุปกรณ์เป็นผู้วิเศษ สามารถรับรู้ความคิดของคนอื่นได้ด้วยตนเอง

ซึ่ง ตอนนี้ อุปกรณ์แปลคลื่นความคิดของมนุษย์ต่างดาว ได้มีการติดตั้งให้กับกลุ่มประสานงานฯ บางท่านไปแล้ว เป็นอุปกรณ์แปลคลื่นความคิด เป็นเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถใช้งาน ได้จริง

ดัง นั้น จึงมีอาจารย์บางท่าน สามารถอ่านความคิดของคนอื่นได้ ซึ่งพอเห็นหน้าก็รู้ว่ากำลังคิดอะไร ตอบคำถามได้โดยคนนั้นยังไม่ทันได้ถามด้วยซ้ำ

แต่มิได้หมาย ความว่าจะไปรู้ความคิดของทุกคน เพราะเครื่องแปลคลื่นความคิด จะเปิดให้ใช้ในยามที่จำเป็นในงาน และเกี่ยวข้องกับบุคคลนั้น ๆ เท่านั้น เรียกว่าใช้เฉพาะกิจ กับเฉพาะคน และเฉพาะงาน

การใช้งานก็คือ อุปกรณ์ดังกล่าวจะรับคลื่นความคิดจากบุคคลอื่น ที่กำลังคิดในเรื่องใด ๆ แต่มิได้กล่าวออกมา คลื่นความคิดนั้น จะผ่านเข้ามาในอุปกรณ์ เมื่ออุปกรณ์แปลคลื่นเป็นข้อความแล้ว ผู้ใช้อุปกรณ์ก็จะเข้าใจในสิ่งที่บุคคลนั้นกำลังคิดอยู่ เหมือนรู้วาระจิตคนอื่น แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ เพียงแต่ใช้อุปกรณ์เป็นตัวแปรคลื่นความคิดนั้น

แล้วอาจมีการตอบโต้กลับไป โดยระบบจะผ่านเป็นคำพูดของผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์ ไปยังบุคคลนั้น

ซึ่งบางครั้ง ผู้ที่พูดออกไป ก็อาจจะงง ๆ ว่าเรารู้ได้อย่างไร เราพูดออกไปยังงี้ได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเลย

ก็อย่าตกใจ เป็นเพียงการทดสอบการใช้อุปกรณ์เครื่องรับคลื่นความคิด แปลเป็นคำพูด แล้วส่งผ่านออกไปเท่านั้น

ทั้งหลายทั้งมวลนี้ ไม่เกี่ยวกับเรา มันไม่ใช่เรา เป็นการทำงานของอุปกรณ์รับคลื่นความคิดแล้วแปลเป็นข้อมูลเท่านั้นเอง

ไม่มีเราเก่ง ไม่มีเรารู้ ไม่มีผู้วิเศษ ..... ต้องปล่อยวางอย่างเดียว

เพราะ ถ้าไม่ปล่อยวาง ความคิดของคุณเอง ของผู้ที่ใช้อุปกรณ์เองที่ยังยึดมั่นถือมั่น...ก็จะถูกส่งออกมาเป็นคลื่น ความคิด แล้ว...มนุษย์ต่างดาวผู้มีความเจริญทางจิต ซึ่งสามารถแปลคลื่นความคิดนั้นได้ ความคิดนั้น จึงไม่เป็นความลับอีกต่อไป

เมื่อคิดอะไรเขาจึงรู้ได้ทั้งหมด ว่ายังยึดมั่นถือมั่นกันอยู่หรือไม่.. หรือปล่อยวางกันได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว...

เพราะ...ความลับไม่มีในโลก....นั่นเอง

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น