วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
ระบบ / มนุษยชาติกับจานบิน
ก่อนศึกษาข้อมูลของ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
ใน สังคมปัจจุบันนี้ ในโลกที่เริ่มทวีความรุนแรงของภัยธรรมชาติ และความหวาดกลัวในเรื่องของมหันตภัยที่คาดกันว่าจะเกิดขึ้นครั้งใหญ่นั้น ผู้ที่ตระหนักถึงภัยธรรมชาติเหล่านี้ เริ่มหาข้อมูล เริ่มศึกษา เริ่มที่จะเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ กันมากขึ้น
ดังนั้น ข้อมูลทั้งหลายที่ได้มีการเผยแพร่เรื่องภัยพิบัติ จากแหล่งต่าง ๆ นั้น จึงเป็นจุดหนึ่งที่คนทั่วไปเริ่มจะค้นหา
และเรื่อง ufo และเรื่องของมนุษย์ต่างดาว ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนเริ่มให้ความสนใจ และจินตนาการกันไปต่าง ๆ นา ๆ
จึง มีผู้ที่มีข้อมูลเรื่องมนุษย์ต่างดาว การติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว การได้รับข้อมูลจากจักรวาล หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันนั้น ได้นำข้อมูลออกมาเผยแพร่มากมาย
ในความหลากหลายแนวคิด ในความแตกต่างของมุมมอง ในการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวจากกลุ่มต่าง ๆ นั้น มีให้เห็นมากมาย หลายบทความ หลายแนวคิด หลายมุมมอง ที่แล้วแต่ว่าใครจะรับการสื่อสารมาในด้านใด
ซึ่ง 1 ในนี้ ก็มี กลุ่มเขากะลา ได้รับข้อมูลจากมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา แล้วได้นำมา "แจ้งเพื่อทราบ" ด้วยเช่นกันได้
และ กลุ่มประสานงานฯ ได้เคยกล่าวไว้อย่างต่อเนื่องมาตลอดนับ 10 ปี และตั้งแต่เปิดเว็บไซด์ www.ufokaokala.com แห่งนี้แล้วว่า กลุ่มเขากะลา ที่ได้รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวอย่างต่อเนื่องตลอดมานั้น ได้มีแนวทางเพื่อเตรียมการให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลก ยามที่เกิดภัยพิบัติรุนแรงบนโลกใบนี้
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ จุดมุ่งหมายก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงมุ่งที่จะเตรียมการที่จะให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลกต่อไป
ดัง นั้น จากการที่ได้เคยกล่าวไว้หลายครั้งแล้วนั้น ว่านี่คือ ความเชื่อเฉพาะกลุ่มที่ชื่อ ...กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เท่านั้น
กลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนี้ ไม่ได้เคยคิดที่จะไปเปลี่ยนแปลงความเชื่อของกลุ่มใด ๆ ของบุคคลใด ๆ
หากเขาได้รับการสื่อสารมา หรือได้รับการรับรู้ข้อมูลด้านนั้น ๆ มา แล้วเชื่อถือตามนั้น
ความ เชื่อนั้นอาจจะเชื่อว่า มนุษย์ต่างดาวจะมายึดโลก จะมาทำสงคราม จะมาเปลี่ยนแปลงมนุษย์ จะมาฝังชิพ หรือจะมาเอาวิญญาณมนุษย์ไปเป็นทาสใด ๆ ก็ตามนั้น
อาจจะเรียกว่า มนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี ฝ่ายไม่ดี ฝ่ายมืด ฝ่ายสว่าง หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตามแต่ความเข้าใจนั้น
นั่นก็เป็นความเชื่อ ของกลุ่มนั้น ๆ ของบุคคลนั้น ๆ เช่นกัน
ก็ คงไม่แตกต่างอะไร.... ที่กลุ่มประสานงานฯ กำลังทำอยู่ คือเชื่อถือในข้อมูลที่ได้ถูกถ่ายทอดมาจากมนุษย์ต่างดาวที่ติดต่อมาที่กลุ่ม เขากะลา เช่นกัน
ทุกคนที่เชื่อ ทุกกลุ่มที่เชื่อ ก็ว่าของตนเองถูกต้องทั้งสิ้น
ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ก็เชื่อว่า ข้อมูลที่ถ่ายทอดมาถูกต้องเช่นกัน
ดัง นั้น แต่ละกลุ่มที่ได้รับการสื่อสาร แต่ละสถานที่ แต่ละประเทศ แต่ละการทดสอบทดลอง ต่างก็คิดว่าของตนเองนั้นถูกต้องทั้งสิ้น แล้วก็มุ่งที่จะให้คนอื่น ๆ นั้นเข้าใจตามสิ่งที่ตนเองเชื่อ
จึงต่าง เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ในเรื่องของการรับทราบนั้น เพื่อให้คนอื่น ๆ ได้รับทราบ ได้เข้าใจ และยิ่งตอนนี้อยู่ในโลกออนไลน์ ก็ยิ่งง่ายต่อการกระจายข้อมูลอย่างยิ่ง
ดังนั้น จึงมีกลุ่มต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย และกระจายกันไป อยู่ในแต่ละกลุ่มตามแนวทางความเชื่อของแต่ละคน
ดัง นั้น ในกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่มีความเชื่อเหมือนกัน ได้มีประสบการณ์เหมือนกัน ได้มารวมกลุ่มกัน ดำเนินกิจกรรมไปในแนวทางที่ระบบได้วางไว้ เพื่อเตรียมการให้ความช่วยเหลือโลกใบนี้
แม้แค่กล่าวออกมา ก็น่าขำแล้วสำหรับคนทั่วไป พวกแกน่ะหรือจะไปช่วยโลก
แต่ นี่เป็นความเชื่อของ....กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ที่ไม่ได้หมายความว่า จะไปเปลี่ยนบุคคลใด ๆ ให้มาเชื่อถือได้ในแนวทางนี้
แต่...ผู้ที่เชื่อในแนวทางเดียวกัน แนวทางเขากะลา ต่างคนก็ต่างก้มหน้าก้มตา...พิจารณขันธ์ 5 ของตนเอง
นี่คือแนวทางของเขากะลา ที่จะมาเพื่อช่วยโลก
ซึ่งดูแล้ว มันไม่ได้เข้ากันเลย กับเรื่องไฮเทค ufo หรือมนุษย์ต่างดาว
แต่มนุษย์ต่างดาว เขาบอกอย่างนี้จริง ๆ นี่คือจุดมุ่งหมายหลักของมนุษย์ต่างดาว ที่จะเตรียมคนไว้เพื่อช่วยโลกใบนี้
คือเตรียมพร้อมด้านจิตใจ เพื่อใช้ควบคู่กับเทคโนโลยีจากต่างดาว
และการเตรียมพร้อมทางจิตใจ ก็คือใช้แนวทางของธรรมะ หรือกฏธรรมชาตินั่นแหละ เป็นกฏเดียวในทุก ๆจักรวาล
เพราะมนุษย์ต่างดาวบอกว่า ต้องมีความเจริญทั้งวัตถุและจิตใจควบคู่กันไป
ตอนนี้ วัตถุหรือเทคโนโลยีมีไว้ให้แล้ว ผลิตมามากมาย รอคนที่จะมาใช้ ที่ต้องมีจิตใจเจริญพอ ๆ กับเทคโนโลยีประเภทนั้น จึงจะใช้ได้
และนี่ก็เป็นความเชื่อของ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) อีกเช่นกัน
ดังนั้น ท่านที่เข้ามารับรู้ เข้ามาศึกษา ท่านต้องใช้วิจารณญาณของท่านเอง อย่าได้ศรัทธาในสิ่งใด ๆ โดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง
ดัง นั้น ในบทความต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายในความเชื่อนั้น ได้มีการนำมาให้อ่านกันมากมาย ในหลากหลายรูปแบบของการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งในเว็บไซด์ต่าง ๆ นั้นมีมากมาย
และแม้แต่ภาพยนต์ หรือหนังสือมากมายในต่างประเทศ ก็จะมีให้เห็นแตกต่างกันไป ทั้งมาช่วยเหลือ และมายึดโลก
ข้อมูลที่แตกต่างเหล่านี้ อยู่ที่แต่ละท่านต้องพิจารณาเอง ว่าเลือกที่จะเชื่อหรือไม่ อย่างไร
ดังนั้น ข้อมูลที่เผยแพร่ในต่างประเทศ แม้ประเทศเดียวกัน ก็มียังมีแตกต่างกันออกไป
มนุษย์ ต่างดาวที่เขากะลา ได้ให้กลุ่มเขากะลา ในขณะนั้น นำบทความจากหนังสือจานบินวิเคราะห์มาอ่าน และทำความเข้าใจ และให้พิมพ์ออกสู่สาธารณะ ว่านี่เป็นโครงการเดียวกันที่มาเพื่อให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลก
เป็นการสื่อสารผ่านมนุษย์โลก ในประเทศที่เจริญทางด้านวัตถุ
และเป็นบทความเดียวที่มนุษย์ต่างดาวที่เขากะลาให้การรับรองว่า เป็นโครงการเดียวกัน มาเพื่อช่วยเหลือโลกใบนี้
ได้มีการเผยแพร่ครั้งแรกใน sanook.com ชื่อบอร์ด มิติพิศวง เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2543
โดยจะขอนำมาให้อ่านเพื่อศึกษาข้อมูลต่อไป
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
ใน สังคมปัจจุบันนี้ ในโลกที่เริ่มทวีความรุนแรงของภัยธรรมชาติ และความหวาดกลัวในเรื่องของมหันตภัยที่คาดกันว่าจะเกิดขึ้นครั้งใหญ่นั้น ผู้ที่ตระหนักถึงภัยธรรมชาติเหล่านี้ เริ่มหาข้อมูล เริ่มศึกษา เริ่มที่จะเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ กันมากขึ้น
ดังนั้น ข้อมูลทั้งหลายที่ได้มีการเผยแพร่เรื่องภัยพิบัติ จากแหล่งต่าง ๆ นั้น จึงเป็นจุดหนึ่งที่คนทั่วไปเริ่มจะค้นหา
และเรื่อง ufo และเรื่องของมนุษย์ต่างดาว ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนเริ่มให้ความสนใจ และจินตนาการกันไปต่าง ๆ นา ๆ
จึง มีผู้ที่มีข้อมูลเรื่องมนุษย์ต่างดาว การติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว การได้รับข้อมูลจากจักรวาล หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันนั้น ได้นำข้อมูลออกมาเผยแพร่มากมาย
ในความหลากหลายแนวคิด ในความแตกต่างของมุมมอง ในการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวจากกลุ่มต่าง ๆ นั้น มีให้เห็นมากมาย หลายบทความ หลายแนวคิด หลายมุมมอง ที่แล้วแต่ว่าใครจะรับการสื่อสารมาในด้านใด
ซึ่ง 1 ในนี้ ก็มี กลุ่มเขากะลา ได้รับข้อมูลจากมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา แล้วได้นำมา "แจ้งเพื่อทราบ" ด้วยเช่นกันได้
และ กลุ่มประสานงานฯ ได้เคยกล่าวไว้อย่างต่อเนื่องมาตลอดนับ 10 ปี และตั้งแต่เปิดเว็บไซด์ www.ufokaokala.com แห่งนี้แล้วว่า กลุ่มเขากะลา ที่ได้รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวอย่างต่อเนื่องตลอดมานั้น ได้มีแนวทางเพื่อเตรียมการให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลก ยามที่เกิดภัยพิบัติรุนแรงบนโลกใบนี้
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ จุดมุ่งหมายก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงมุ่งที่จะเตรียมการที่จะให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลกต่อไป
ดัง นั้น จากการที่ได้เคยกล่าวไว้หลายครั้งแล้วนั้น ว่านี่คือ ความเชื่อเฉพาะกลุ่มที่ชื่อ ...กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เท่านั้น
กลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนี้ ไม่ได้เคยคิดที่จะไปเปลี่ยนแปลงความเชื่อของกลุ่มใด ๆ ของบุคคลใด ๆ
หากเขาได้รับการสื่อสารมา หรือได้รับการรับรู้ข้อมูลด้านนั้น ๆ มา แล้วเชื่อถือตามนั้น
ความ เชื่อนั้นอาจจะเชื่อว่า มนุษย์ต่างดาวจะมายึดโลก จะมาทำสงคราม จะมาเปลี่ยนแปลงมนุษย์ จะมาฝังชิพ หรือจะมาเอาวิญญาณมนุษย์ไปเป็นทาสใด ๆ ก็ตามนั้น
อาจจะเรียกว่า มนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี ฝ่ายไม่ดี ฝ่ายมืด ฝ่ายสว่าง หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตามแต่ความเข้าใจนั้น
นั่นก็เป็นความเชื่อ ของกลุ่มนั้น ๆ ของบุคคลนั้น ๆ เช่นกัน
ก็ คงไม่แตกต่างอะไร.... ที่กลุ่มประสานงานฯ กำลังทำอยู่ คือเชื่อถือในข้อมูลที่ได้ถูกถ่ายทอดมาจากมนุษย์ต่างดาวที่ติดต่อมาที่กลุ่ม เขากะลา เช่นกัน
ทุกคนที่เชื่อ ทุกกลุ่มที่เชื่อ ก็ว่าของตนเองถูกต้องทั้งสิ้น
ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ก็เชื่อว่า ข้อมูลที่ถ่ายทอดมาถูกต้องเช่นกัน
ดัง นั้น แต่ละกลุ่มที่ได้รับการสื่อสาร แต่ละสถานที่ แต่ละประเทศ แต่ละการทดสอบทดลอง ต่างก็คิดว่าของตนเองนั้นถูกต้องทั้งสิ้น แล้วก็มุ่งที่จะให้คนอื่น ๆ นั้นเข้าใจตามสิ่งที่ตนเองเชื่อ
จึงต่าง เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ในเรื่องของการรับทราบนั้น เพื่อให้คนอื่น ๆ ได้รับทราบ ได้เข้าใจ และยิ่งตอนนี้อยู่ในโลกออนไลน์ ก็ยิ่งง่ายต่อการกระจายข้อมูลอย่างยิ่ง
ดังนั้น จึงมีกลุ่มต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย และกระจายกันไป อยู่ในแต่ละกลุ่มตามแนวทางความเชื่อของแต่ละคน
ดัง นั้น ในกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่มีความเชื่อเหมือนกัน ได้มีประสบการณ์เหมือนกัน ได้มารวมกลุ่มกัน ดำเนินกิจกรรมไปในแนวทางที่ระบบได้วางไว้ เพื่อเตรียมการให้ความช่วยเหลือโลกใบนี้
แม้แค่กล่าวออกมา ก็น่าขำแล้วสำหรับคนทั่วไป พวกแกน่ะหรือจะไปช่วยโลก
แต่ นี่เป็นความเชื่อของ....กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ที่ไม่ได้หมายความว่า จะไปเปลี่ยนบุคคลใด ๆ ให้มาเชื่อถือได้ในแนวทางนี้
แต่...ผู้ที่เชื่อในแนวทางเดียวกัน แนวทางเขากะลา ต่างคนก็ต่างก้มหน้าก้มตา...พิจารณขันธ์ 5 ของตนเอง
นี่คือแนวทางของเขากะลา ที่จะมาเพื่อช่วยโลก
ซึ่งดูแล้ว มันไม่ได้เข้ากันเลย กับเรื่องไฮเทค ufo หรือมนุษย์ต่างดาว
แต่มนุษย์ต่างดาว เขาบอกอย่างนี้จริง ๆ นี่คือจุดมุ่งหมายหลักของมนุษย์ต่างดาว ที่จะเตรียมคนไว้เพื่อช่วยโลกใบนี้
คือเตรียมพร้อมด้านจิตใจ เพื่อใช้ควบคู่กับเทคโนโลยีจากต่างดาว
และการเตรียมพร้อมทางจิตใจ ก็คือใช้แนวทางของธรรมะ หรือกฏธรรมชาตินั่นแหละ เป็นกฏเดียวในทุก ๆจักรวาล
เพราะมนุษย์ต่างดาวบอกว่า ต้องมีความเจริญทั้งวัตถุและจิตใจควบคู่กันไป
ตอนนี้ วัตถุหรือเทคโนโลยีมีไว้ให้แล้ว ผลิตมามากมาย รอคนที่จะมาใช้ ที่ต้องมีจิตใจเจริญพอ ๆ กับเทคโนโลยีประเภทนั้น จึงจะใช้ได้
และนี่ก็เป็นความเชื่อของ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) อีกเช่นกัน
ดังนั้น ท่านที่เข้ามารับรู้ เข้ามาศึกษา ท่านต้องใช้วิจารณญาณของท่านเอง อย่าได้ศรัทธาในสิ่งใด ๆ โดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง
ดัง นั้น ในบทความต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายในความเชื่อนั้น ได้มีการนำมาให้อ่านกันมากมาย ในหลากหลายรูปแบบของการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งในเว็บไซด์ต่าง ๆ นั้นมีมากมาย
และแม้แต่ภาพยนต์ หรือหนังสือมากมายในต่างประเทศ ก็จะมีให้เห็นแตกต่างกันไป ทั้งมาช่วยเหลือ และมายึดโลก
ข้อมูลที่แตกต่างเหล่านี้ อยู่ที่แต่ละท่านต้องพิจารณาเอง ว่าเลือกที่จะเชื่อหรือไม่ อย่างไร
ดังนั้น ข้อมูลที่เผยแพร่ในต่างประเทศ แม้ประเทศเดียวกัน ก็มียังมีแตกต่างกันออกไป
มนุษย์ ต่างดาวที่เขากะลา ได้ให้กลุ่มเขากะลา ในขณะนั้น นำบทความจากหนังสือจานบินวิเคราะห์มาอ่าน และทำความเข้าใจ และให้พิมพ์ออกสู่สาธารณะ ว่านี่เป็นโครงการเดียวกันที่มาเพื่อให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลก
เป็นการสื่อสารผ่านมนุษย์โลก ในประเทศที่เจริญทางด้านวัตถุ
และเป็นบทความเดียวที่มนุษย์ต่างดาวที่เขากะลาให้การรับรองว่า เป็นโครงการเดียวกัน มาเพื่อช่วยเหลือโลกใบนี้
ได้มีการเผยแพร่ครั้งแรกใน sanook.com ชื่อบอร์ด มิติพิศวง เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2543
โดยจะขอนำมาให้อ่านเพื่อศึกษาข้อมูลต่อไป
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
ระบบ / การปฏิบัติ เพื่อออกจากทุกข์
ขออนุโมทนา และเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทำงานกับระบบ แม้ว่าจะดูย่ำแย่ในสายตาของคนทั่วไปก็ตาม
แต่หากมีความเข้าใจ มีมุมมองที่เห็นความเป็นจริงของธรรมชาติได้
คุณจะต้องขอบใจ ในความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่
เพราะความทุกข์ มีโทษมหันต์ สำหรับผู้ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5
แต่มีคุณอนันต์ สำหรับที่ผู้ปราถนาจะออกจากทุกข์ ออกจากการยึดมั่นถือมั่น เพื่อหลุดพ้นจากอุปาทานของขันธ์ 5
แล้วไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
ต้องมีทุกข์ก่อน จึงจะออกจากทุกข์ได้
ต้องเห็นทุกข์
รู้เหตุแห่งทุกข์
รู้ทางดับทุกข์
และต้องเดินตามแนวทางปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์
ตามที่พระพุทธองค์ท่านทรงชี้ทางไว้แล้วนั้น
วันนี้ เราเห็นทุกข์
เรารู้เหตุแห่งทุกข์
และรู้ทางดับทุกข์ ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนแล้ว
ที่เหลือคือ การปฏิบัติ เพื่อออกจากทุกข์นั้น
นี่คือสิ่งที่ยังมองเห็นไม่ชัด ปฏิบัติยังไม่ตรงเป้าหมาย จึงยังเห็นไม่ได้ ยังรู้ไม่เท่าทันกลไกของขันธ์
จึงยังต้องถูกมันพาไปเกาะติด กับความคิด ความรู้สึก อารมณ์ทั้งหลาย
เมื่อหลงยึดตามไป ทุกข์ทั้งหลายก็ตามมา
เมื่อมันชวนตามไป แล้วไม่สนใจ
ความสำคัญนั้น ๆ มันจะน้อยลงทันที เพราะเห็นเป็นเพียงแค่ความคิด แค่การปรุงแต่ง แค่อารมณ์ทั้งหลายเท่านั้น
อย่าให้ความสำคัญกับมันเท่านั้น แยกสติออกมา อย่าไปจับจ้อง อย่าไปจมอยู่กับอารมณ์ กับความรู้สึกนั้น ๆ
ถ้าให้ความสำคัญ มันจะมีอิทธิพลในทันที
เทคนิค....การแยกสติแบบง่าย ๆ
ให้แยกสติไปอยู่จุดอื่น เรียกว่าเบี่ยงเบนความสนใจ แยกไปอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในขันธ์ 5 ในท่ายืน เดิน นั่ง นอน ก็ได้
เช่น เคาะนิ้ว ขยับมือ หรือขยับแขน ขยับขา เพราะขยับเขยื้อนที่จุดใด หรือจดจ่อที่จุดใด สติจะวิ่งไปยังจุดนั้นโดยอัตโนมิติ เรียกว่าเรียกสติแยกออกมาจากจุดเกิดเหตุ คือการจมอยู่กับอารมณ์ กับความคิดทั้งหลาย หรือจะไปอยู่ที่ลมหายใจ ที่ใด ๆ ที่เคยฝึกสมาธิมา ก็ได้
เรียก ว่า หาทางให้มันแยกจากกัน วงจรนั้นจะถูกตัดขาด กำลังเบื่อหน่าย หดหู่ พอสติแยกไป วงจรที่กำลังอินในความหดหู่ เบื่อหน่ายก็จะขาดตอน
นี่ คือ เทคนิค หรืออุบายง่าย ๆ ที่เรียกให้สติแยกออกมา แล้วใช้ปัญญาฟันซ้ำ อ้อ...ดันเผลอเข้าไปให้ความสนใจกับอารมณ์ แล้วไปรับเอาอารมณ์ของขันธ์ มาอุปาทานว่าเป็นของเรานี่เอง
เมื่อแยกออกมา แล้วบอกมันดัง ๆ ว่า ฉันอยู่ที่นี่ ฉันอยู่กับความสงบ กับสติ กับสมาธิ
ที่กำลังคิด กำลังปรุง กำลังห่อเหี่ยว ฟุ้งซ่านมากมาย ที่แท้ก็เป็นแกรวมหัวกัน คือขันธ์ทั้งหลายเท่านั้นเอง
(ใน ขั้นตอนนี้ จะให้เห็นว่าไม่มีตัวตนในขันธ์เลยยังไม่ได้ เพราะมันจะยังไหลไปรวมกันกับทุกข์อยู่ ยังคงสมมุติว่ามี...ฉัน(สติ) ดูแก(ขันธ์ 5)...อยู่ก่อน เพื่อให้เห็น ว่ามีผู้ดู กับผู้เล่น เป็นคนละชิ้นกัน เพื่อเอาตัวรอดจากทุกข์มาก ให้กลายเป็นทุกข์น้อยก่อนในขั้นต้น)
ถ้ามีที่ให้อยู่ มีที่ให้แยกไป จะมีสติเห็นได้ในขณะที่ขันธ์กำลังปรุงแต่ง
มันกำลังคิด กำลังห่อเหี่ยว กำลังหดหู่ กำลังเจ็บปวด เบื่อหน่าย
เพราะมีผู้ที่แยกออกไปอยู่อีกที่หนึ่ง กำลังดูผู้ที่แสดงอีกที่หนึ่ง
นี่คือตัวสติ กำลังดูการเล่นละครของขันธ์ 5 ที่ปรุงแต่งออกมาหลากหลายอารมณ์
อย่าไปรวมกับมัน จะได้เห็นมันถนัด ๆ เจ็บได้ ปวดได้ เบื่อได้ เซ็งได้ แล้วแต่มันจะปรุงแต่งอะไรในขันธ์
แต่ทุกข์กินไม่ได้ เพราะไม่มีใครไปอุปาทานเอาการปรุงแต่งในขันธ์นั้น ๆ มาเป็นทุกข์ฉันนั่นเอง
เป็น เทคนิคการแยกสติแบบง่าย ๆ เมื่อมีสติเห็น ความคิด อารมณ์ การปรุงแต่งทั้งหลาย จะสังเคราะห์ปัญญา รู้เท่าทันว่า อ๋อ...ไอ้เจ้าขันธ์ มันทำงานตามหน้าที่ของมัน คืองานผลิตทุกข์อีกแล้ว
เพื่อที่จะไม่ไปรับเอาทุกข์จากขันธ์ มาเป็นของฉันเต็ม ๆ
ขอให้เข้าใจว่า ทุกข์ก็มีคุณอนันต์ ทำให้เห็นขันธ์เป็นสิ่งน่าเบื่อหน่าย จึงคลายกำหนัดในขันธ์ 5 เหล่านั้น
เพราะหากคุณไม่เห็นทุกข์ คุณย่อมไม่เห็นธรรม
หากคุณไม่เคยทุกข์ คุณย่อมไม่ขนขวายหาธรรม
หากคุณสุขสบาย ก็คงไม่ย่างกรายเข้าหาธรรม
คิดว่า เรายังโชคดีมากมาย ที่มีโอกาสเจอทุกข์แล้ว ยังเข้าใจธรรมได้ นับว่ามีหนทางออกจากทุกข์ได้เช่นกัน
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
แต่หากมีความเข้าใจ มีมุมมองที่เห็นความเป็นจริงของธรรมชาติได้
คุณจะต้องขอบใจ ในความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่
เพราะความทุกข์ มีโทษมหันต์ สำหรับผู้ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5
แต่มีคุณอนันต์ สำหรับที่ผู้ปราถนาจะออกจากทุกข์ ออกจากการยึดมั่นถือมั่น เพื่อหลุดพ้นจากอุปาทานของขันธ์ 5
แล้วไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
ต้องมีทุกข์ก่อน จึงจะออกจากทุกข์ได้
ต้องเห็นทุกข์
รู้เหตุแห่งทุกข์
รู้ทางดับทุกข์
และต้องเดินตามแนวทางปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์
ตามที่พระพุทธองค์ท่านทรงชี้ทางไว้แล้วนั้น
วันนี้ เราเห็นทุกข์
เรารู้เหตุแห่งทุกข์
และรู้ทางดับทุกข์ ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนแล้ว
ที่เหลือคือ การปฏิบัติ เพื่อออกจากทุกข์นั้น
นี่คือสิ่งที่ยังมองเห็นไม่ชัด ปฏิบัติยังไม่ตรงเป้าหมาย จึงยังเห็นไม่ได้ ยังรู้ไม่เท่าทันกลไกของขันธ์
จึงยังต้องถูกมันพาไปเกาะติด กับความคิด ความรู้สึก อารมณ์ทั้งหลาย
เมื่อหลงยึดตามไป ทุกข์ทั้งหลายก็ตามมา
เมื่อมันชวนตามไป แล้วไม่สนใจ
ความสำคัญนั้น ๆ มันจะน้อยลงทันที เพราะเห็นเป็นเพียงแค่ความคิด แค่การปรุงแต่ง แค่อารมณ์ทั้งหลายเท่านั้น
อย่าให้ความสำคัญกับมันเท่านั้น แยกสติออกมา อย่าไปจับจ้อง อย่าไปจมอยู่กับอารมณ์ กับความรู้สึกนั้น ๆ
ถ้าให้ความสำคัญ มันจะมีอิทธิพลในทันที
เทคนิค....การแยกสติแบบง่าย ๆ
ให้แยกสติไปอยู่จุดอื่น เรียกว่าเบี่ยงเบนความสนใจ แยกไปอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในขันธ์ 5 ในท่ายืน เดิน นั่ง นอน ก็ได้
เช่น เคาะนิ้ว ขยับมือ หรือขยับแขน ขยับขา เพราะขยับเขยื้อนที่จุดใด หรือจดจ่อที่จุดใด สติจะวิ่งไปยังจุดนั้นโดยอัตโนมิติ เรียกว่าเรียกสติแยกออกมาจากจุดเกิดเหตุ คือการจมอยู่กับอารมณ์ กับความคิดทั้งหลาย หรือจะไปอยู่ที่ลมหายใจ ที่ใด ๆ ที่เคยฝึกสมาธิมา ก็ได้
เรียก ว่า หาทางให้มันแยกจากกัน วงจรนั้นจะถูกตัดขาด กำลังเบื่อหน่าย หดหู่ พอสติแยกไป วงจรที่กำลังอินในความหดหู่ เบื่อหน่ายก็จะขาดตอน
นี่ คือ เทคนิค หรืออุบายง่าย ๆ ที่เรียกให้สติแยกออกมา แล้วใช้ปัญญาฟันซ้ำ อ้อ...ดันเผลอเข้าไปให้ความสนใจกับอารมณ์ แล้วไปรับเอาอารมณ์ของขันธ์ มาอุปาทานว่าเป็นของเรานี่เอง
เมื่อแยกออกมา แล้วบอกมันดัง ๆ ว่า ฉันอยู่ที่นี่ ฉันอยู่กับความสงบ กับสติ กับสมาธิ
ที่กำลังคิด กำลังปรุง กำลังห่อเหี่ยว ฟุ้งซ่านมากมาย ที่แท้ก็เป็นแกรวมหัวกัน คือขันธ์ทั้งหลายเท่านั้นเอง
(ใน ขั้นตอนนี้ จะให้เห็นว่าไม่มีตัวตนในขันธ์เลยยังไม่ได้ เพราะมันจะยังไหลไปรวมกันกับทุกข์อยู่ ยังคงสมมุติว่ามี...ฉัน(สติ) ดูแก(ขันธ์ 5)...อยู่ก่อน เพื่อให้เห็น ว่ามีผู้ดู กับผู้เล่น เป็นคนละชิ้นกัน เพื่อเอาตัวรอดจากทุกข์มาก ให้กลายเป็นทุกข์น้อยก่อนในขั้นต้น)
ถ้ามีที่ให้อยู่ มีที่ให้แยกไป จะมีสติเห็นได้ในขณะที่ขันธ์กำลังปรุงแต่ง
มันกำลังคิด กำลังห่อเหี่ยว กำลังหดหู่ กำลังเจ็บปวด เบื่อหน่าย
เพราะมีผู้ที่แยกออกไปอยู่อีกที่หนึ่ง กำลังดูผู้ที่แสดงอีกที่หนึ่ง
นี่คือตัวสติ กำลังดูการเล่นละครของขันธ์ 5 ที่ปรุงแต่งออกมาหลากหลายอารมณ์
อย่าไปรวมกับมัน จะได้เห็นมันถนัด ๆ เจ็บได้ ปวดได้ เบื่อได้ เซ็งได้ แล้วแต่มันจะปรุงแต่งอะไรในขันธ์
แต่ทุกข์กินไม่ได้ เพราะไม่มีใครไปอุปาทานเอาการปรุงแต่งในขันธ์นั้น ๆ มาเป็นทุกข์ฉันนั่นเอง
เป็น เทคนิคการแยกสติแบบง่าย ๆ เมื่อมีสติเห็น ความคิด อารมณ์ การปรุงแต่งทั้งหลาย จะสังเคราะห์ปัญญา รู้เท่าทันว่า อ๋อ...ไอ้เจ้าขันธ์ มันทำงานตามหน้าที่ของมัน คืองานผลิตทุกข์อีกแล้ว
เพื่อที่จะไม่ไปรับเอาทุกข์จากขันธ์ มาเป็นของฉันเต็ม ๆ
ขอให้เข้าใจว่า ทุกข์ก็มีคุณอนันต์ ทำให้เห็นขันธ์เป็นสิ่งน่าเบื่อหน่าย จึงคลายกำหนัดในขันธ์ 5 เหล่านั้น
เพราะหากคุณไม่เห็นทุกข์ คุณย่อมไม่เห็นธรรม
หากคุณไม่เคยทุกข์ คุณย่อมไม่ขนขวายหาธรรม
หากคุณสุขสบาย ก็คงไม่ย่างกรายเข้าหาธรรม
คิดว่า เรายังโชคดีมากมาย ที่มีโอกาสเจอทุกข์แล้ว ยังเข้าใจธรรมได้ นับว่ามีหนทางออกจากทุกข์ได้เช่นกัน
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
ระบบ / แจ้งเพื่อทราบ
การได้รับรู้ การได้รับฟัง การได้รับทราบแนวทางของการปฏิบัติ ผ่านข้อความ ที่ผู้ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว ซึ่งมีความเจริญทั้งทางจิต และเทคโนโลยีควบคู่กันไปนั้น แทนที่จะสอนใจเราสนใจในอวกาศ ในโลกลึกลับ ในเรื่องของเทคโนโลยีจากต่างดาว
แต่ตรงกันข้าม กลับสอนแต่ให้ดูขันธ์ห้า ให้ละอัตตาตัวตน ให้รู้เท่าทันทุกข์ และชี้แนะแนวทางเพื่อออกจากทุกข์
นั่น แสดงว่า เรื่องนี้สำคัญที่สุด สำคัญกว่าการที่จะไปค้นหา ไปศึกษา ไปเรียนรู้นอกโลก นอกจักรวาล ซึ่งจะเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ เพราะเวลาของทุกสรรพชีวิตที่ยังเหลืออยู่บนโลกนี้ ก็มีน้อยอยู่แล้ว
ดังนั้น ได้เคยกล่าวไว้อย่างต่อเนื่องมาตลอดว่า
นี่เป็นการ "แจ้งเพื่อทราบ" เท่านั้น
ไม่ ว่าจะเป็น "การแจ้งเพื่อทราบ" ในเว็บไซด์ www.ufokaokala.com แห่งนี้ หรือในเว็บไซด์อื่น ๆ รวมถึงการจัดกิจกรรม การบรรยายเรื่องราวของกลุ่มประสานงานฯ ณ สถานที่ต่าง ๆ ที่ผ่านมาก็ตามนั้น ได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า ....
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขา กะลา) เป็นกลุ่มที่ได้รับการติดต่อสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวมาอย่างต่อเนื่องยาว นาน และมีการรวมกลุ่มบุคคลที่มีความเชื่อในเรื่องเดียวกัน พบเจอปรากฏการณ์คล้ายกัน และมีความเข้าใจในการที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันกับที่มนุษย์ต่างดาวได้กล่าวไว้ คือให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลกในยามที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่บนโลกใบนี้
นี่คือความเชื่อของกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ ที่ชื่อ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
และความเชื่อนี้ ก็เป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้มุ่งหมายที่จะไปเปลี่ยนความเชื่อของบุคคลอื่น ๆ เลย
ดังนั้น เส้นทางที่จะเดินไปยังจุดหมายปลายทาง ที่แต่ละคนได้เลือก ได้ไตร่ตรอง ได้พิจารณานั้น มีหลายเส้นทาง
ทุก คน ต้องใช้ปัญญาพิจารณาเส้นทางที่จะต้องเดินไปของตนเอง ทางใดที่เห็นว่าดี เห็นว่าถูก เห็นว่าเหมาะสมสำหรับตนเองแล้ว ก็ควรเร่งที่จะมุ่งหน้าเดินไป ตามลู่ทางที่ตนเองได้เลือกไว้ด้วยความตั้งใจเถิด
เพราะนี่คือประโยชน์ตนของแต่ละท่าน ในยามที่เวลายังมีอยู่
ในความไม่เชื่อ ในความไม่ศรัทธา ในสิ่งที่เห็นว่าไม่น่าเชื่อถือในเรื่องใด ๆ ก็ตามนั้น
ขอ ท่านอย่าได้เสียเวลา โดยปล่อยให้เวลาที่มีค่าของท่านผ่านไปโดยไร้ประโยชน์เลย ควรใช้เวลาที่มีค่าของท่านทำในสิ่งที่มีประโยชน์กับดวงจิตของท่านจะเหมาะสม กว่า อย่าเสียเวลากับความลังเลสงสัย ที่ยังหาคำตอบไม่ได้อีกเลย
ส่วน ท่านที่หมดความลังเลสงสัย ลองปฏิบัติตามแนวทางละวางอัตตาแล้ว ความทุกข์ได้ลดน้อยลงไป ก็ควรใช้เวลาอันมีค่าแต่ละวินาทีที่มีอยู่ เร่งเดินหน้าปฏิบัติต่อเนื่องไป เพื่อพัฒนาความสามารถในการเห็นความว่าง ปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์ห้าให้มากขึ้นให้ได้โดยเร็ววัน เพราะท่านคือบุคคลที่สำคัญในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในโครงการนี้
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
แต่ตรงกันข้าม กลับสอนแต่ให้ดูขันธ์ห้า ให้ละอัตตาตัวตน ให้รู้เท่าทันทุกข์ และชี้แนะแนวทางเพื่อออกจากทุกข์
นั่น แสดงว่า เรื่องนี้สำคัญที่สุด สำคัญกว่าการที่จะไปค้นหา ไปศึกษา ไปเรียนรู้นอกโลก นอกจักรวาล ซึ่งจะเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ เพราะเวลาของทุกสรรพชีวิตที่ยังเหลืออยู่บนโลกนี้ ก็มีน้อยอยู่แล้ว
ดังนั้น ได้เคยกล่าวไว้อย่างต่อเนื่องมาตลอดว่า
นี่เป็นการ "แจ้งเพื่อทราบ" เท่านั้น
ไม่ ว่าจะเป็น "การแจ้งเพื่อทราบ" ในเว็บไซด์ www.ufokaokala.com แห่งนี้ หรือในเว็บไซด์อื่น ๆ รวมถึงการจัดกิจกรรม การบรรยายเรื่องราวของกลุ่มประสานงานฯ ณ สถานที่ต่าง ๆ ที่ผ่านมาก็ตามนั้น ได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า ....
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขา กะลา) เป็นกลุ่มที่ได้รับการติดต่อสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวมาอย่างต่อเนื่องยาว นาน และมีการรวมกลุ่มบุคคลที่มีความเชื่อในเรื่องเดียวกัน พบเจอปรากฏการณ์คล้ายกัน และมีความเข้าใจในการที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันกับที่มนุษย์ต่างดาวได้กล่าวไว้ คือให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลกในยามที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่บนโลกใบนี้
นี่คือความเชื่อของกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ ที่ชื่อ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
และความเชื่อนี้ ก็เป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้มุ่งหมายที่จะไปเปลี่ยนความเชื่อของบุคคลอื่น ๆ เลย
ดังนั้น เส้นทางที่จะเดินไปยังจุดหมายปลายทาง ที่แต่ละคนได้เลือก ได้ไตร่ตรอง ได้พิจารณานั้น มีหลายเส้นทาง
ทุก คน ต้องใช้ปัญญาพิจารณาเส้นทางที่จะต้องเดินไปของตนเอง ทางใดที่เห็นว่าดี เห็นว่าถูก เห็นว่าเหมาะสมสำหรับตนเองแล้ว ก็ควรเร่งที่จะมุ่งหน้าเดินไป ตามลู่ทางที่ตนเองได้เลือกไว้ด้วยความตั้งใจเถิด
เพราะนี่คือประโยชน์ตนของแต่ละท่าน ในยามที่เวลายังมีอยู่
ในความไม่เชื่อ ในความไม่ศรัทธา ในสิ่งที่เห็นว่าไม่น่าเชื่อถือในเรื่องใด ๆ ก็ตามนั้น
ขอ ท่านอย่าได้เสียเวลา โดยปล่อยให้เวลาที่มีค่าของท่านผ่านไปโดยไร้ประโยชน์เลย ควรใช้เวลาที่มีค่าของท่านทำในสิ่งที่มีประโยชน์กับดวงจิตของท่านจะเหมาะสม กว่า อย่าเสียเวลากับความลังเลสงสัย ที่ยังหาคำตอบไม่ได้อีกเลย
ส่วน ท่านที่หมดความลังเลสงสัย ลองปฏิบัติตามแนวทางละวางอัตตาแล้ว ความทุกข์ได้ลดน้อยลงไป ก็ควรใช้เวลาอันมีค่าแต่ละวินาทีที่มีอยู่ เร่งเดินหน้าปฏิบัติต่อเนื่องไป เพื่อพัฒนาความสามารถในการเห็นความว่าง ปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์ห้าให้มากขึ้นให้ได้โดยเร็ววัน เพราะท่านคือบุคคลที่สำคัญในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในโครงการนี้
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
ระบบ / แจ้งเพื่อทราบ...ถึงสมาชิกทุึกท่าน
ข้อความหลากหลาย ที่ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโตได้ถ่ายทอดไว้ ณ เขากะลาให้กับสมาชิกกลุ่มเขากะลาในรุ่นแรก ๆ ได้รับฟัง ทุกอย่างล้วนกล่าวถึงกฏธรรมชาติ เป็นการสอนให้เข้าใจขันธ์ห้า เพื่อการปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่น ละอัตตาตัวตนทั้งสิ้น
ซึ่ง เป็นการสวนทางกันโดยสิ้นเชิง กับความเข้าใจของคนทั่วไป ที่คิดว่าบุคคลกลุ่มนี้ได้ไปหลงใหลในมนุษย์ต่างดาว ไปหลงไหลในเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว ไปศึกษาเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ ไกลตัว จนออกไปนอกโลก นอกจักรวาล
จึงดูราวกับว่าบุคคลกลุ่มนี้ได้เพี้ยนไปไกลจากแก่นของธรรม
แต่ ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร? ใครจะเข้าใจอย่างไร? ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปเปลี่ยนแปลงโครงการของมนุษย์ต่างดาวที่มาเพื่อช่วย เหลือโลกใบนี้ได้ เพราะนี่เป็นโครงการใหญ่...ที่ต้องมาให้ความช่วยเหลือกันตามกฏธรรมชาติ
แต่ ก็ยังมีบุคคลในส่วนหนึ่ง ซึ่งมีทั้งเขากะลารุ่นที่ 1 - 4 ที่เข้ามาด้วยความเข้าใจ และผสมผสานกันเข้าเป็น.....กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ในขณะนี้ และยังคงดำเนินกิจกรรมเพื่อการประสานงานอย่างต่อเนื่อง
เพราะ ได้มีการไตร่ตรอง และเห็นจริงจากการปฏิบัติ ลด ละ ปล่อยวาง เบาบางจากทุกข์ จากการยึดมั่นถือมั่น จนสามารถเข้าใจกลไกของขันธ์ห้า ละอัตตาตัวตนได้ในระดับหนึ่ง และได้เข้าทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว ในนามของ...กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) แล้วนั้น ต้องขออนุโมทนาด้วยอย่างยิ่ง
สำหรับท่านที่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสารมา อย่างต่อเนื่องนั้น....ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน พบเจอเรื่องราวเมื่อใด จะเคยพบเจอมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ ? ไม่สำคัญ
อยู่ที่ว่า...ถ้าท่านศึกษา ทำความเข้าใจ และปล่อยวางได้ ความทุกข์ที่เคยมีมากมายได้ลดน้อยลง
นั่นถือว่า....ท่านได้..."ประโยชน์ตน"...ของท่านไปแล้ว ณ ขณะนี้
ส่วนประโยชน์ท่าน....ที่จะทำงานร่วมกับระบบได้มากน้อยแค่ไหนนั้น สถานการณ์จะจัดสรรให้ท่านเอง
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
ซึ่ง เป็นการสวนทางกันโดยสิ้นเชิง กับความเข้าใจของคนทั่วไป ที่คิดว่าบุคคลกลุ่มนี้ได้ไปหลงใหลในมนุษย์ต่างดาว ไปหลงไหลในเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว ไปศึกษาเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ ไกลตัว จนออกไปนอกโลก นอกจักรวาล
จึงดูราวกับว่าบุคคลกลุ่มนี้ได้เพี้ยนไปไกลจากแก่นของธรรม
แต่ ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร? ใครจะเข้าใจอย่างไร? ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปเปลี่ยนแปลงโครงการของมนุษย์ต่างดาวที่มาเพื่อช่วย เหลือโลกใบนี้ได้ เพราะนี่เป็นโครงการใหญ่...ที่ต้องมาให้ความช่วยเหลือกันตามกฏธรรมชาติ
แต่ ก็ยังมีบุคคลในส่วนหนึ่ง ซึ่งมีทั้งเขากะลารุ่นที่ 1 - 4 ที่เข้ามาด้วยความเข้าใจ และผสมผสานกันเข้าเป็น.....กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ในขณะนี้ และยังคงดำเนินกิจกรรมเพื่อการประสานงานอย่างต่อเนื่อง
เพราะ ได้มีการไตร่ตรอง และเห็นจริงจากการปฏิบัติ ลด ละ ปล่อยวาง เบาบางจากทุกข์ จากการยึดมั่นถือมั่น จนสามารถเข้าใจกลไกของขันธ์ห้า ละอัตตาตัวตนได้ในระดับหนึ่ง และได้เข้าทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว ในนามของ...กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) แล้วนั้น ต้องขออนุโมทนาด้วยอย่างยิ่ง
สำหรับท่านที่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสารมา อย่างต่อเนื่องนั้น....ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน พบเจอเรื่องราวเมื่อใด จะเคยพบเจอมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ ? ไม่สำคัญ
อยู่ที่ว่า...ถ้าท่านศึกษา ทำความเข้าใจ และปล่อยวางได้ ความทุกข์ที่เคยมีมากมายได้ลดน้อยลง
นั่นถือว่า....ท่านได้..."ประโยชน์ตน"...ของท่านไปแล้ว ณ ขณะนี้
ส่วนประโยชน์ท่าน....ที่จะทำงานร่วมกับระบบได้มากน้อยแค่ไหนนั้น สถานการณ์จะจัดสรรให้ท่านเอง
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
ข้อความจากระบบ...แจ้งเพื่อทราบ
เรื่อง ปิดการรับรองหมายเลข
เนื่องจากระบบการทำงานร่วมกับ มนุษย์ต่างดาว ได้มีการทำงานเป็นโครงการใหญ่ ซึ่งมีการวางกลไกของระบบไว้หลายขั้นตอน รวมถึงผู้เข้าร่วมงานกับมนุษย์ต่างดาวในโครงการนี้ มีจำนวน 5,000 คนทั่วโลก
ซึ่งในส่วนใหญ่จะทำงานแบบไม่รู้ตัวว่ากำลังทำงานในโครงการช่วยเหลือภัยพิบัติร่วมกับมนุษย์ต่างดาว และส่วนใหญ่จะไม่มีหมายเลข
มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่มีการรับรอง และมีหมายเลข
ซึ่ง ในส่วนนี้ ที่จำเป็นต้องมีหมายเลขก็เพื่อให้รู้ว่า ได้มีการรวมกลุ่มกันขึ้นของบุคคลกลุ่มหนึ่งขึ้นมา โดยรับการติดต่อสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาว ที่มาเตรียมการให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลก
จึงต้องมีการคัด 60 บุคคลแรกขึ้นก่อนเพื่อเข้ารับการฝึก การทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว
เปิดการรับรองหมายเลข 60 บุคคล ชุดแรก ปี 2541 - 2542
จำนวน 60 ท่าน
(ระบบให้เว้นหมายเลข 43 ไว้ มารายงานตัวเพิ่มเติมในปี 2548 จึงเพิ่มเป็น 61 ท่าน)
จากนั้นเริ่ม เข้าสู่ระบบการทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาวตั้งแต่ 1 เมษายน 2547
ใน ปี 2551 ระบบได้มีการเปิดรับผู้เข้าร่วมทำงานกับมนุษย์ต่างดาวเพิ่มเติมใน 3 แผนก ซึ่งได้ดำเนินการรับรองหมายเลขจากปี 2551 - 2554 รวมทั้งหมด 5 ครั้ง รวมทั้งหมด 56 ท่าน
แผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิตรวม 41 ท่าน
แผนกพื้นที่ 6 ท่าน
แผนกประชาสัมพันธ์ 9 ท่าน
รวมสมาชิกกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ที่ได้รับการรับรองหมายเลขไปแล้วนั้นรวม 117 ท่าน
และ บัดนี้ ระบบได้แจ้งว่า... การรับรองหมายเลข เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2554 ณ สวนเบญจสิริ กรุงเทพฯ ที่ผ่านมานั้น เป็นการรับรองหมายเลขที่เปิดเพิ่มเติมเสร็จสมบูรณ์แล้ว
สำหรับหมายเลขในส่วนที่ยังคงเหลืออยู่นั้น ให้ปล่อยว่างไว้
ระบบปิดการรับรองหมายเลขสมาชิก
ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2554 เวลา 14.11 นาฬิกา
คุณวาสนา ชื่นสำนวน
ผู้รับผิดชอบแผนกขับเคลื่อนระบบและ maintenance ระบบ
ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2554
เวลา 23.11 นาฬิกา
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554
วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)