กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา)

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

Awesome UFO Over Peru March 2011 HD

Huge Triangle UFO 100 miles above Earth Jan 2011 Randy Clark

SUPERMOON UFO's 3/3

SUPERMOON UFO's 2/3

SUPERMOON UFO's 1/3

UFO Lights above Lafayette, Colorado March 20, 2011(seen on Good Morning...

I Have Proof Of Alien UFO Says, Command Sergeant Major James Norton

ในเดือนกันยายนปี 1977 ในระหว่างร่วมโจมตีอาวุธระบบทดสอบ (ปาก) ที่ Fort Benning Georgia, ฐานทั้งหมดเห็นการบุกรุกยูเอฟโอ มากถึง 1,300 คนเข้าร่วมในกองกำลังเหตุการณ์ ส่วนใหญ่มีที่เหลือไว้กับการบาดเจ็บทางด้านจิตใจอย่างรุนแรงและ"เวลาที่หายไป"ช่องว่าง

คำสั่งจ่าสิบเอกเจมส์ Norton ผู้ประจำอยู่แล้ววันนี้ที่ Fort McClellan, อลาบามา เขาเป็นสิบเอกบัค (E - 5) ในขณะที่เขาเห็นน่าขนลุกพบกับยูเอฟโอและทหารที่ 14 กันยายน 1977 เขา ถูกส่งไปยังช่วงก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อยพร้อมกับ 1200-1300 กองทัพเข้ามาดำเนินการดับเพลิงอยู่กับระบบของพวกเขาใหม่อาวุธที่เรียกว่าปาก (Joint โจมตีอาวุธ System) เลขานุการของกองทัพบกในเวลาที่เป็นจริงในช่วง

เขาจำเมื่อพวกเขาเริ่มไฟอยู่และทั้งหมดในทันทีมี orbs ในท้องฟ้ากลางคืน สิ่งต่อไปที่เขาเห็นก็คือแสงเลเซอร์ crisscrossing ผ่านท้องฟ้า คำสั่งของ'ยุติไฟ'ได้ฟังเพราะมีบางอย่างที่ลงช่วง เฮลิคอปเตอร์ทหารปรากฏออกจากไม่มีที่ไหนเลย ระเบิดถูกได้ยิน ไอเทม Orb ในท้องฟ้ากลางคืนมีการเปลี่ยนความหลากหลายของสีที่แตกต่างกัน รูปสามเหลี่ยมรูปยูเอฟโอแสดงให้เห็นถึง ทหารรอบ Norton อยู่ในช็อก

หลังจากเหตุการณ์ทหารจำนวนมากกลายเป็นไม่ดี ทหารทุกคนถูกบรรยายสรุปว่าหากพวกเขามีการเปิดเผยข้อมูลจากคืนนี้หรือไม่ก็จะถูกศาล martialed และส่งไปยัง Leavenworth Norton เมื่อได้รับเวชระเบียนของเขาก็เปิดเผยว่าการเจ็บป่วยของเขาคือการไม่ทราบที่ มาอุณหภูมิของเขาได้ 104 เขาได้วางไว้ในอ่างเหล็กเป็นเวลา 2 วันในน้ำน้ำแข็งเพื่อนำมาอุณหภูมิของเขาลง

เขาได้พ้นหน่วยความจำหรือที่เรารู้จักในตำนานยูเอฟโอก็จะเรียกว่าหายไปเวลา เขาจำไม่ได้ว่าเขาอยู่ในช่วงและต่อมาพบว่าตัวเขาอยู่ในป่า มีจำนวนมาก disorientation เวลาได้ ระหว่างช่วงการสะกดจิตเขาได้เรียนรู้เขาได้ถูกลักพาตัวและถ่ายบนเรือเรือ การทดลองการแพทย์ได้ดำเนินการและกลุ่มตัวอย่างได้หายไปจากร่างกายของเขา

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสอง jets มาในสิ่งที่เป็นสีขาวล้างตัวเลขที่อยู่บนเครื่องบิน เครื่องบินได้มีการเก็บรวบรวมเศษซากยูเอฟโอไซต์ผิดพลาด

พิสูจน์ยูเอฟโอ :

Norton หยิบชิ้นส่วนโลหะจากไซต์ของความผิดพลาดที่มี hieroglyphics ที่ผิดปกติในมัน ชิ้นโลหะนี้ไม่สามารถเผาไหม้ เลือยตัดโลหะจะไม่ตัดถ้าคุณงอไปแล้วก็จะกลับสู่รูปร่างเดิม Norton มีโลหะฝังชิ้นนี้ที่ทรัพย์สินของเขา!

Norton ยินดีและพร้อมที่จะแสดงหลักฐานนี้เพื่อบาง UFOlogists น่าเชื่อถือและสื่อ! Norton เขามีหลักฐานการเรียกร้องของยูเอฟโอเป็นจริงกับชิ้นส่วนที่เป็นของแข็งนี้หลักฐานที่เขาจัดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบน!

เฮลิคอปเตอร์ทหารยิงลงมา :

เฮลิคอปเตอร์ทหารที่ถูกยิงลงมาในช่วงเกิดเหตุที่ไม่เคยรายงานไปยัง FAA เขาถูกเผาไหม้จากสารสีแดงลึกลับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้

Norton ประจำอยู่แล้ววันนี้ที่ Fort McClellan, อลาบามาและอธิบายถึงวิธีการทดสอบพวกเขาด้วยสารชีวภาพและสารเคมีในฐานนี้และ สิ่งอื่นที่เกิดขึ้น ยูเอฟโอมีกิจกรรมที่ฐานนี้ดูเหมือนว่าทหารของเราคือการทดสอบการบินยูเอฟโอเหนือฐาน

เมื่อ ทราบด้าน : สำหรับ 62 ปี, โรงเรียนของอเมริกาที่ Fort Benning, Georgia, มีการฝึกอบรมบางส่วนที่เลวร้ายที่สุด abusers สิทธิมนุษยชนในซีกโลก นาฬิกาสื่อที่นี่และสหรัฐฯไฟดับที่นี่

หลักฐานอันอื่น ๆ :

Norton วิดีโอได้คืนอย่างไม่น่าเชื่อวิสัยทัศน์ของยูเอฟโอของทุกสีถ่ายบนฐาน เขามีวิดีโอของยูเอฟโอไปจากขอบฟ้าหนึ่งไปยังอีกขอบฟ้าในเพียง 2 วินาที เขามีวิดีโอวิดีโอของรูปสามเหลี่ยมรูปยูเอฟโอที่ hovers เหนือฐานเสียงไม่ถูกปล่อยออกมา เขามีทั้งหมดของวิดีโอวิดีโอนี้สำหรับ UFOlogist น่าเชื่อถือใด ๆ เพื่อตรวจสอบ!

Chaplins Time Traveler

World Exclusive video: Time Travel Scientist Dr. Ronald Mallett, History...

Ancient Aliens 1st Edition

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

Space Station MIR surrounded by UFO's

Tether STS-75 like UFO's filmed in the UK

Tether Incident NASA STS-75 UFO

A True incident ☆☆☆☆☆ Check out this UFO Video

Project Mother Ship - The Best UFO Photos.flv

clip : UFOKAOKALA 01

ระบบ / เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย

มนุษย์ต่างดาวเคยบอกไว้นานแล้วว่า มนุษย์โลกมักจะเชื่อถือชาติที่มีเทคโนโลยีสูง ชาติที่เจริญทางด้านวัตถุ ชาติมหาอำนาจ มากกว่าชาติเล็ก ๆ หรือประเทศเล็ก ๆ ที่มีเทคโนโลยีน้อยกว่า

ดังนั้น หากข่าวสารใดที่ออกมาจากประเทศมหาอำนาจที่มีเทคโนโลยี ประเทศที่เจริญด้านวัตถุ เช่นอเมริกา อังกฤษ หรือประเทศอื่น ๆ แถบยุโรปเป็นต้น ข่าวสารนั้นจะเป็นที่น่าเชื่อถือ เป็นที่น่าสนใจ และทั่วโลกก็พลอยรับรู้ ทั้งให้น้ำหนักกับข่าวสารนั้น ๆ มากเป็นพิเศษ

บุคคลต่าง ๆ ที่อยู่ในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ก็ย่อมให้ความสนใจในข้อมูลนั้น ๆ ตามข่าวสารที่ได้รับ และให้ความเชื่อถือตามไปด้วย

ซึ่ง ก็เป็นจริงเช่นนี้ แม้แต่เรื่องของจานบิน ufo หรือมนุษย์ต่างดาว ที่เป็นข่าวแพร่กระจายก็มาจากประเทศที่เจริญทางเทคโนโลยี ที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ออกไปทั่วโลก และประเทศต่าง ๆ ก็เริ่มให้ความสนใจ และเมื่อมีการพบเจอ วัตถุลึกลับมากขึ้นหลังจากนั้น ก็จะเรียกว่าจานบิน ตามที่ผู้พบและตั้งชื่อไว้

เพราะผู้พบคนแรกและ ตั้งชื่อวัตถุลึกลับนั้นว่า จานบิน ก็คือ เคนเนธ อาร์โนลด์ เป็นนักธุรกิจและนักบินชาวอเมริกัน เห็นวัตถุลึกลับ จำนวน 9 ลำ มีลักษณะเหมือนกับจานสองใบประกบกัน อาร์โนลด์จึงเรียกมันว่าจานบิน

ดัง นั้น แม้แต่ในประเทศอเมริกาเอง ก็ยังมีทั้งผู้ที่เชื่อเรื่อง ufo และผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องของ ufo และมีทั้งผู้ที่ต้องการปกปิดเรื่องราวของ ufo จนได้มีการเรียกร้องให้เปิดเผยข้อเท็จจริงกันอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ ช่วงนี้

เรื่องของ มนุษย์ต่างดาวในประเทศไทย เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ ถึงแม้จะได้เห็น จะได้พบ จะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีของเขาเองก็ตาม แต่ก็ยากที่คนทั่วไปจะเชื่อ

ดัง นั้น ผู้ทำงานกับมนุษย์ต่างดาว .... อย่าได้ไปกังวล อย่าได้ไปทุกข์ร้อนกับความไม่เชื่อของใคร ๆ หรืออย่าได้ไปท้อใจว่า...ทำไม...จึงมีคนเชื่อเรื่องนี้น้อยนัก

นั่น เพราะ...หน้าที่การให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา เป็นหน้าที่ของมนุษย์ต่างดาว เขาต้องมีการเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้การช่วยเหลือได้ทันเวลา

และถึงแม้ใครจะเชื่อ หรือจะไม่เชื่อ มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงเตรียมการเพื่อให้ความช่วยเหลืออยู่ดี

อยู่ที่ว่า มนุษย์โลก...จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้น

เพราะ ความช่วยเหลือ....เทคโนโลยีที่มนุษย์ต่างดาวได้เตรียมไว้เพื่อช่วยเหลือ มนุษย์นั้น เป็นเทคโนโลยีที่ไฮเทคเกินกว่าที่มนุษย์จะคาดเดา เกินกว่า ที่มนุษย์โลกจะเชื่อได้ หรือเข้าใจได้....นั่นเอง

เพราะสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวบอกไว้นั้น มันเป็น .... เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย ที่เกินกว่ามนุษย์จะจินตนาการจริง ๆ

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

Kaokala อ Ukrin & Hammu 99 08 03 2011V3 4

ufokaokala1

ระบบ / ทำไมมนุษย์ต่างดาวไม่ปรากฏตัวให้เห็นแบบเป็นทางการไปเลยล่ะ

1.ไม่สมเหตุสมผลเลยที่มนุษย์ต่างดาวเดินทางมายังโลกของเราเป็น ระยะทางหลายล้านปี แสงเพื่อมาหลบๆ ซ่อนๆ มิสู้เปิดเผยตัวตน แสดงเจตนารมณ์ และติดต่อกันอย่างเป็นทางการดีกว่าหรือ?

จากการที่ได้สัมผัส และรับรู้ข้อมูลจากทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มานานพอสมควร จึงทำให้ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของการที่มนุษย์ต่างดาวทำไมถึงต้องเดินทาง มายังดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้

มนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารมายัง กลุ่มนั้น ได้บอกวัตถุประสงค์ไว้ชัดเจนว่าต้อง การที่จะมาช่วยเหลือมนุษย์ในช่วงที่จะ เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นในโลกใบนี้ ซึ่งตรงนี้ก็บังเอิญมาตรงกันกับพุทธทำนาย คำภีร์ไบเบิ้ล พระเกจิอาจารย์ที่ทรงอภิญญาหลายรูป หลายองค์ ว่าจะมีเหตุการณ์ดัง กล่าวเกิดขึ้นจริง อย่างน้อยก็เพื่อนๆ ในเว็ปพลังจิตนี้ ที่มีการรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติกันขึ้น และมีการทำงาน มีการวางแผน รวมถึงการแจ้งเตือนด้านภัยพิบัติควบคู่กับธรรมะมา โดยต่อเนื่อง และเป็นรูปธรรมด้วย ในขณะที่แนวโน้มความหนักหน่วงของภัยธรรมชาติก็มีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น แล้วยังขยายวงกว้างออกไปในเขตพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดภัยพิบัติเช่นว่านั้นมา ก่อนด้วย

2.มนุษย์ต่างดาวรู้ว่าจะเกิดอะไรกับโลกใบนี้ แล้วทำไมไม่ใช้เทคโนโลยีทำให้มันไม่เกิดล่ะ

ก็ มันเป็นกฎธรรมชาติ การแปรปรวนของธรรมชาติมันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วมันก็ใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์ต่างดาวซึ่งก็ต้องอยู่ในกฎธรรมชาตินี้ด้วยจะ ไปทัดทานได้ ดาวของเขาเองก็ต้องมีเรื่องภัยธรรมชาติหรือการแปรปรวนของกฎธรรมชาติ แต่เขามีเทคโนโลยีที่จะเอาตัวรอดได้ เช่น อาศัยอยู่ในยานบิน แล้วบินหนีไปหลบให้ห่างหน่อย พอสงบดีแล้วก็กลับมาจอดมาอาศัยต่อไปใหม่ได้

ใน โลกเราเอง ณ เวลานี้ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกกำลังละลายในอัตราที่สูงกว่าอัตรา การละลายในอดีตเป็นทวีคูณจนนักวิทยาศาสตร์ต่างลงความเห็นว่า ในอีกไม่กี่ปี หมีขั้วโลกจะต้องจมน้ำตายกันหมดเพราะอาศัยอยู่บนก้อนน้ำแข็ง สมมุติว่ามนุษย์เรามีการวางโครงการณ์ที่จะไปอพยพบรรดาหมีที่อาศัยอยู่ที่ ขั้วโลกตามจุดต่างๆ ซึ่งก็ถือว่ากว้างขวางมากในสายตาของมนุษย์เรา ตามหลักมนุษยธรรมเราอยากจะช่วยให้ได้ทุกชีวิต เพื่อที่จะนำพามาสู่ในที่ที่หมีขั้วโลกสามารถดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ แต่ในความเป็นจริงเราคงช่วยไม่ได้หมด

มนุษย์เราก็ย่อมทราบดีว่าหมี ขั้วโลกนั้นดุร้าย ถ้าเข้าใกล้ก็คงต้องถูกทำร้ายอย่างแน่นอน แต่เราก็ยังยืนยันกันว่าต้องช่วย และอยากจะช่วยให้ได้มากที่สุดด้วย ซึ่งในขณะที่ดำเนินการช่วยเหลืออยู่นั้น อาจมีใครถูกทำร้ายบ้าง เราก็ยังจะช่วยอยู่ดี เพราะเราเข้าใจธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้ดีว่าดุร้าย ก็มันเป็นสัญชาติญาณของมันเอง นี่เรื่องสมมุตินะ

3.มนุษย์ต่างดาวมาตั้งไกล แล้วทำไมมาทำลับๆ ล่อๆ ไม่มาปรากฏตัวหรือติดต่อกันอย่างเป็นทางการไปซะเลย?

ก็ เพราะเขาทราบดี ว่ามนุษย์เรามีอุปนิสัยเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าเขาเห็นเราเลวร้ายหรือเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมาเอง นะครับ เป็นเพราะเขาเคารพเหตุปัจจัย เห็น ความเป็นเช่นนั้นเองของมนุษย์ การที่เขาจะมาเพื่อช่วยเหลือในช่วงที่เกิดภัยพิบัติก็ต้องมีการเตรียมการ การวางแผน วางโครงข่ายต่างๆ ทั้งทางด้านสถานที่ที่ต้องคำนวนให้ดีว่าที่ไหนจะปลอดภัย ด้านอาหารการดำรงชีพ ด้านการติดต่อสื่อสารที่เปรียบเสมือนจะต้องมีล่ามที่ได้รับความไว้วางใจจาก มนุษย์ด้วยกัน ด้านสถานที่ที่จะลงมาติดต่อสื่อสารด้วย และที่สำคัญคือระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะมาแสดงตัว


4. ถ้าสมมุติว่าวันนี้ พรุ่งนี้เขามาลงจอดเลย เอาแถวๆ สนามหลวงก็ได้ ถามว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

ผู้ คนต้องแตกตื่นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ของการมาในครั้งนี้ แน่นอนมนุษย์ก็มีสัญชาติญาณระแวงภัยเหมือนกัน ออกจะมากกว่าสปีชี่อื่นด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็คงจะมีแต่กองกำลังมาห้อมล้อมแทนฝูงชน ชาติมหาอำนาจต่างๆ ก็อ้างสิทธิปกป้องความมั่นคงของโลก แล้วถือวิสาสะมาล้อมสนามหลวงด้วย และแน่นอนว่าต้องติดอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดที่ตัวเองมีอยู่มาด้วย แล้วมีคำถามอีกว่ามนุษย์ต่างดาวเขาจะคุยกับใคร ด้วยภาษาอะไรได้หรือครับ ถ้าเป็นภาษามือก็อาจจะไม่เข้าใจกันเพราะเขาอาจจะไม่มีมือข้างละห้านิ้ว เหมือนเราก็ได้ ก็อุปมาอุปมัยเหมือนเจตนาจะไปขนย้ายหมีขั้วโลก แต่เดินไปตัวเปล่าในวงล้อมของหมีขั้วโลกนั่นแหละ เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลนี้มนุษย์ต่างดาวจึงยังไม่มาปรากฎตัวอย่างเปิดเผยให้ มนุษย์เดินดินอย่างเราๆ ได้เห็นกันจะจะ(ทุกคน) ยังไงล่ะ


5. ช่วยบอกคร่าวๆเกี่ยวกับภัยพิบัติ และการช่วยเหลือได้มั้ย?

จาก ข้อมูลที่ทราบกันแล้วคือ มนุษย์ต่างดาวจะมาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังจากที่เกิดภัยพิบัติแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการประสานงานเพื่อการเตือนภัย(ดังชื่อกลุ่มฯ)ในขณะ ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติอย่างแน่นอน และภัยพิบัติที่กล่าวถึงนี้ คง จะไม่ใช่ภัยพิบัติที่มนุษย์ด้วยกันสามารถที่จะช่วยเหลือกันเองได้ แต่จะต้องเป็นภัยที่ใหญ่เกินกว่าที่ใครจะช่วยเหลือใครได้แม้แต่ตัวเอง จนถึงขนาดที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความเจริญจากดวงดาวอื่นๆ ทั้งในและนอกระบบสุริยะจักรวาลของเรา


6. มนุษย์ต่างดาวที่มาให้ความช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติ แตกต่างหรือเหมือนกับมนุษย์โลกอย่างไร?

มนุษย์ ต่างดาว ไม่ว่ารูปขันธ์ของเขาจะเหมือนมนุษย์โลกของเรา หรือแตกต่างกันมากมายอย่างไรก็ตาม ก็คงไม่มีเทคโนโลยีที่มีความสามารถไปยับยั้งความแปรปรวนตามกฎของธรรมชาติของ โลกหรือดวงดาวดวงไหนได้ทั้งดวง หรือสมมุติว่าจะเกิดสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกัน จะ ยิงนิวเคลียร์กัน มนุษย์ด้วยกันเองก็ยังไม่สามารถที่จะห้ามกันได้เลย ถ้ามนุษย์ต่างดาวเข้าไปห้ามก็คงจะยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ แล้วกรณีการที่จะ ไปให้ความช่วยเหลือก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ เช่น จะไปช่วยผู้ที่ถูกกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดนิวเคลียร์ก่อนที่จะมีการทิ้ง ระเบิดกันจริงๆ จะเป็นไปได้อย่างไร หรืออีกกรณีตัวอย่างหนึ่ง เช่น แม้เราจะรู้ก่อนว่าจะเกิดพายุนากีสพัดผ่านเข้าประเทศพม่า จะมีความรุนแรงของพายุสูง อย่างดีเราก็แค่เตือนให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหาทางป้องกัน หรืออพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย แม้กระนั้นหลังจากเกิดพายุแล้วก็ยังมีความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินกัน เป็นจำนวนมาก แต่สมมุติถ้าเรามีเทคโนโลยีที่สามารถคำนวณได้ว่าจะเกิดพายุนากีสตั้งแต่ก่อน ที่พายุจะตั้งเค้าล่ะ จะเข้าไปเตือนภัยพม่าให้อพยพซะก่อนที่จะมีความสูญเสีย ก็คงจะไม่มีใครเชื่อ ยิ่งบางเหตุการณ์ในช่วงชีวิตของเขายังไม่เคยเจอมาก่อนก็ยิ่งไปกันใหญ่

โลก เราปัจจุบันยังมีแต่เพียงผู้นำประเทศต่างๆ และผู้นำประเทศมหาอำนาจต่างๆ ที่พยายามจะแก่งแย่งชิงดีกันในทางโลกเพื่อที่จะนำประเทศของตนก้าวขึ้นไปเป็น ประเทศมหาอำนาจของโลก ซึ่ง ณ ปัจจุบันเราก็จะเริ่มเห็นสัจจธรรมความไม่เที่ยงของประเทศที่กล่าวกันว่าร่ำ รวย เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกกันบ้างแล้ว ดังนั้นการที่ใครจะข้ามจักรวาลมาคุยกับใคร ด้วยภาษาอะไร ถึงเรื่องอะไรที่ยังไม่มีเค้าลางว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่ไหน เมื่อไร อย่างไรนั้น ก็คงเป็นเรื่องที่ผู้ที่เจริญด้วยสติปัญญาและเทคโนโลยีที่จะมาให้ความช่วย เหลือนั้นย่อมตระหนักดีอยู่แล้ว

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือน ภัย(เขากะลา) คงไม่มีศักยภาพไปเทียบถึงขั้นระดับผู้นำประเทศใดๆ ในการเตรียมการให้ความช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติแก่ใครได้เลยในขณะนี้ เพียง แต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมตามที่ผู้ที่มีความเจริญทางสติปัญญาเห็นสมควร แล้ว กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ก็คงจะต้องทำหน้าที่ประสานงานเพื่อการเตือนภัยด้วยรูปธรรมที่ทำให้การช่วย เหลือเรื่องภัยพิบัติต่างๆ นั้นสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน เพราะมนุษย์ต่างดาวเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ เราเป็นเพียงผู้ประสานงานฯ

ผู้ ที่เป็นชาวพุทธอย่างเราๆ ท่านๆ คงจะต้องมีความเชื่ออย่างถูกต้องตรงกันว่าโลกของเราใบนี้ในช่วงเวลานี้นั้น ย่อมต้องเคยมีพระพุทธองค์อุบัติมาแล้วถึง 4 พระองค์อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเราเชื่อมั่นในคำตรัสคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม แต่เราก็ไม่สามารถเสาะหาพยานหลักฐานเป็นวัตถุหรือรูปธรรมใดๆ ที่จะแสดงให้เห็นถึงอารยะธรรมของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้เลย ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าความแปรปรวนไม่เที่ยงของโลกธาตุของโลกเราที่ย่อมต้อง เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาด้วยความเป็นเช่นนั้นเอง

ดังนั้นเรา จึงไม่สามารถจะตอบปัญหาได้ชัดเจนนักว่ามนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือน เคยมาช่วยเหลือด้านภัยพิบัติในโลกของเรามาบ้างแล้วหรือไม่อย่างไร แต่ถ้าเกิดว่ามนุษย์ต่างดาวเคยเดินทางมาให้การช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติใน โลกของเราแล้ว นั่นก็หมายถึงว่าภัยพิบัตินั้นๆ ก็คงต้องยิ่งใหญ่จนมีผลกระทบต่อการดำรงค์เผ่าพันธุ์ของมวลมนุษยชาติต่อไป อย่างแน่นอน และในครั้งนี้ก็เกรงว่ามนุษย์ต่างดาวก็คงจะมาเพื่อให้ความช่วยเหลือมนุษย์ โลกของเรา ด้วยเหตุผลเดียวกัน คงไม่มาแทรกแซงทางอารยะธรรมของโลกแค่เรื่องการทะเลาะเบาะแว้งกันเองในสงคราม ต่างๆ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มนุษย์ด้วยกันเองก็ยังสามารถช่วยเหลือกันเองได้ หรอก

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

LATEST U.F.O. SIGHTING CUSCO, PERU MARCH 2011 a WARNING to STAY ALERT.

Jerusalem UFO Amazing new 6th video shot at close range from Western Wa...

NASA ADMINISTRATOR: U.F.O.s ETs very possible! -MARCH 2011

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

ระบบ / เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายของมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา

สิ่งที่ได้จะได้กล่าวต่อไปนี้ เป็นข้อมูลที่ได้รับการสื่อสารมาจากผู้ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว ซึ่งได้มีการมาเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือมนุษย์ ในเวลาที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่บนโลกใบนี้

การมาเตรียมการให้ความ ช่วยเหลือโลกมนุษย์ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งใหญ่ เป็นการเตรียมการมานับพันปี ระดมกันกันมาจากหลายดวงดาว เรียกว่า สหพันธ์แห่งดวงดาว

คือดวงดาวต่าง ๆ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มสากล ซึ่งแต่ละดวงดาว มีความเชี่ยวชาญในงานแต่ละด้านแตกต่างกัน บางดาวเชี่ยวชาญในด้านของเทคโนโลยี บางดวงดาวเชี่ยวชาญด้านชีวภาพ พืชพรรณธัญญาหาร บางดาวเชี่ยวชาญด้านมิติ บางดาวเชี่ยวชาญด้านยกระดับจิต ด้านสมาธิจิต บางดาวเชี่ยวชาญด้านพลังงาน บางดาวเชี่ยวชาญด้าน กายภาพ บางดาวเชี่ยวชาญด้านสร้างสภาวะแวดล้อมเช่นสร้างใยแก้วป้องกันรังสี นิวเคลียร์ บางดาวเชี่ยวชาญด้านทำลายรังสีตกค้าง เพื่อป้องกันสภาพแวดล้อมแล้วให้สามารถอาศัยอยู่ได้

ดังนั้น เมื่อมนุษย์ต่างดาว ผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ได้มาร่วมโครงการช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้ แต่ละดวงดาว จึงได้มีการวางตัวผู้ที่จะเป็นตัวแทนของมนุษย์โลก ที่จะต้องทำหน้าที่ใน ด้านต่าง ๆ ร่วมกับมนุษย์ต่างดาวในดวงดาวนั้นไว้ก่อนแล้ว

บุคคล นั้น ๆ ก็จะได้รับการสื่อสาร ได้มีการสัมผัสกับสิ่งแปลก ๆ คืออุปกรณ์ต่าง ๆ พลังงานรูปแบบต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับสิ่งที่จะต้องทำงานร่วมกับเขานั้น

จึงจะเห็นได้ว่า มีมนุษย์โลกมากมาย หลายกลุ่ม หลายประเทศ ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ และมาจากดวงดาวที่มีชื่อเรียกต่าง ๆ มากมาย ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ
ชื่อดวงดาวแตกต่างกัน มีการสื่อสารมาแตกต่างกัน มีการรับรูปแบบของเทคโนโลยีแตกต่างกันไป

แม้ ในประเทศไทยเอง ก็จะพบว่ามีแต่ละกลุ่มแต่ละดวงดาว ที่สื่อสารกับกลุ่มนั้น ๆ มีการบอกกล่าว มีการเตรียมการ มีการให้เทคโนโลยี หรืออุปกรณ์กับกลุ่มนั้น ๆ แตกต่างกันไปตามงานที่เขาต้องทำ

จึงไม่อาจทราบได้ว่า กลุ่มนั้น ๆ รับข้อมูลใดบ้าง ติดต่อกับดาวดวงใดบ้าง หรือเขามีหน้าที่เตรียมงานในส่วนใดบ้าง เพราะแต่ละที่ แต่ละกลุ่ม ก็ทำตามข้อมูลที่ได้รับมานั้น ๆ

ดังนั้นในส่วนของกลุ่มประสานงาน เพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เป็นกลุ่มที่ได้รับข้อมูลมาเพื่อการประสานงานกับกลุ่มต่าง ๆ การเตือนภัยพิบัติหากมีการส่งข้อมูลมาให้เตือนมนุษย์โลก การเตรียม อุปกรณ์ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือ การยกระดับจิตของผู้ทำงานและผู้ที่ได้รับทราบในโครงการนี้

การ เตือนเรื่องของภัยพิบัติ จึงต้องมีการเผยแพร่ข่าวสารออกสู่สาธารณะ ให้คนทั่วไปได้รับทราบ จึงต้องมีการจัดทำกิจกรรมขึ้น มีการแจ้งเพื่อทราบผ่านกิจกรรมนั้น ๆ มีการนำอุปกรณ์ไปทำการรักษาผู้ป่วย สแกนกรรม หรือดำเนินการเรื่องอื่น ๆ ก็เพื่อเป็นการเปิดเผยเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่มาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ โลก และให้รับรู้ถึงเทคโนโลยี ที่จะมีการนำมาช่วยเหลือได้จริงในวิกฤติที่จะเกิดขึ้นนั้น

อุปกรณ์ เทคโนโลยีจากต่างดาว ผลิตหลายแบบ หลายชนิด และมีประสิทธิภาพเพื่อการใช้งานได้จริง ผลิตมามากมายเพื่อแจกให้มนุษย์โลกได้นำไปช่วยเหลือในยามวิกฤติ

มีตัวอย่างอุปกรณ์หลายชนิด ที่นำมาให้ทดลองใช้แล้ว ในผู้ฝึกรุ่นแรก ที่เขากะลา

ซึ่ง ในรุ่นถัดมา สิ่งเหล่านี้ ได้มีการนำมาให้ใช้ มาให้เห็น มาให้พบเจอ เพื่อเป็นการยืนยันว่า สิ่งที่เขากะลารุ่นแรกพบเจอนั้น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และได้มีการนำอุปกรณ์นั้นมาให้รุ่นต่อไปได้รับทราบด้วยเช่นกัน

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

ระบบ/งานเฉพาะกิจในโครงการช่วยเหลือภัยพิบัติ

านเฉพาะกิจครั้งนี้ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ และยากที่จะอธิบายให้บุคคลทั่วไปเข้าใจได้ ระบบจึงมุ่งหมายให้คนของระบบที่วางไว้ 5,000 คนทั่วโลกในโครงการนี้ ได้มาพบเจอกัน มารู้จัก มาเข้าใจ และทำงานร่วมกันก่อนในขั้นต้น

จะมาพบเจอ มารู้จักกันได้อย่างไร เพราะต่างคนต่างอยู่ หลากหลายสถานที่ หลายจังหวัด หลายประเทศ


ดังนั้น จึงต้องมีรูปแบบ จึงต้องมีการรวมกลุ่ม มีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นมา ให้คนทั่วไปได้รับรู้


มี การ...แจ้งเพื่อทราบ แจ้งข่าวผ่านทางสื่อมวลชน ทางทีวี ทางหนังสือพิมพ์ ทางนิตยสารมากมายหลายฉบับ เพื่อเป็นการส่งข่าวไปยังผู้ที่อาสาลงมาร่วมงานในโครงการเดียวกัน จะได้รับทราบ และเข้ามาพบเจอกัน


ดังนั้น หลายคนที่รู้จักเขากะลา รับรู้ความเป็นมา ก็เพราะดูจากรายการทีวี อ่านจากหนังสือ นี่คือสื่อ....ที่จำเป็น


แต่มิใช่ว่า เขากะลาจะอยากเด่น อยากดังใด ๆ แต่เพราะงานระบบ...ต้องดำเนินไปตามแนวทางอย่างนั้น


....มี "จานบิน" มากมาย มาปรากฏ เพื่อประกอบฉาก....เพื่อให้เกิดความสนใจ และเข้ามาศึกษาว่า...มนุษย์ต่างดาว...มาทำไม? บนโลกใบนี้


และ สุดท้าย เมื่อเข้ามาศึกษา ก็จะพบว่า จะมีทั้งเรื่องของต่างดาว และเรื่องธรรมะการละวางอัตตาตัวตน ควบคู่กันไปด้วย และเป็นประโยชน์ตนสูงสุด ของผู้ทำงาน


บุคคลของระบบท่านนั้น ๆ จะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน ก็เป็นไปตามงานของแต่ละท่านที่ได้อาสาลงมา


ถ้ามีฉากร่วมกันนาน ก็จะเข้าใจ อยู่ร่วมกันไป ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันตามงาน

ถ้ามีฉากร่วมกันน้อย ก็ผ่านมา แวะทักทาย แล้วผ่านไปทำงานของแต่ละท่าน....ที่ได้รับมอบหมายมา

คนระบบอีกมากมาย ที่ไม่เคยได้พบเจอ ไม่เคยได้รู้จัก ไม่เคยได้พบหน้า แต่รับรู้ว่ากลุ่มนี้กำลังทำอะไร

เพราะรับรู้ผ่านอินเตอร์เน็ททางไกล นั่นเอง

ดังนั้น ระยะทางจึงไม่ใช่ปัญหาของการมาทำความเข้าใจ


เพราะการให้ข้อมูลข่าวสารผ่านอินเตอร์เน็ท ก็เป็นการทำงานของระบบอย่างหนึ่ง

อย่าง เช่นที่พี่สุดใจ กำลังให้ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านเว็บไซด์แห่งนี้ ก็เป็นการทำงานกับระบบอย่างหนึ่ง คือการแจ้งเพื่อทราบ ในโครงการช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้ ตามที่ได้รับการถ่ายทอดข้อมูลลงมา

ถ้าบุคคลคนนั้น เป็นคนที่ระบบได้วางไว้ เขาก็จะเข้าใจได้นั่นเอง


บาง ท่าน สนใจเรื่องภัยพิบัติ ก็ได้หาข้อมูลข่าวสารมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้รับทราบ ให้ตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เริ่มรุนแรงขึ้น บุคคลนี้อาจจะทำเช่นนั้นเป็นประจำตามความชอบ ตามความสนใจ อาจไม่ทราบด้วยซ้ำไป ว่านี่คือการทำงาน


จะทำงานแบบเข้าใจ หรือไม่เข้าใจ ก็ทำงานได้เช่นกัน


จึงถูกต้อง...ทุกงาน ทุกหน้าที่ ทุกวิธี...ที่มีการดำเนินกิจกรรมเพื่อการประสานงาน


ทุกท่านที่บังเอิญพบเจอ บังเอิญเข้ามาสนใจ ก็เรียกได้ว่า....มาตามงาน

ได้ เข้ามาอ่าน มารับรู้โครงการ มาทำความเข้าใจ มาเก็บเกี่ยวประโยชน์ตนกลับไป...สักวันหนึ่งท่านก็จะรู้ได้ว่า งานของท่านคืออะไร ?

เพราะถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ไม่อาจมาพบเจอ มาเข้าใจ หรือมาเชื่อถือในเรื่องเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

เขากะลา project




17 tuned/LastAlien Hypervisions Goaplace.com V2.40 by LastAlien - Download Psy Trance mixes from Germany

LastAlien Hypervisions Goaplace.com V2.40 by LastAlien - Download Psy Trance mixes from Germany

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทำไมมนุษย์ต่างดาว จึงกล่าวว่า...ความลับไม่มีในโลก

ทำไมมนุษย์ต่างดาว จึงกล่าวว่า...ความลับไม่มีในโลก

เมื่อ มนุษย์คิดสิ่งใด...ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงรู้ว่ามนุษย์โลกคนนั้น กำลังคิดอะไร กำลังจะทำอะไร ทั้ง ๆ ที่บุคคลนั้น ยังไม่ทันได้พูดด้วยซ้ำ

นั่นเป็นเพราะว่ามนุษย์ต่างดาว อ่านจากคลื่นความคิดของบุคคลนั้น ๆ นั่นเอง

เพราะความคิด ที่มนุษย์คิดว่า...เป็นความลับของเขานั้น... แท้จริงแล้ว มันไม่ได้เป็นความลับอย่างที่เข้าใจ

มาลองฟังข้อความจากมนุษย์ต่างดาวที่ได้เคยบอกไว้หลายปีแล้วนั้น กันอีกครั้ง


"ความลับไม่มีในโลก"

นี่คือข้อความจากมนุษย์ต่างดาว

ซึ่งในตอนนั้นเราก็ยังงง ๆ ว่า ทำไม ? ความลับจึงไม่มีในโลก

ระบบได้อธิบายให้ฟังว่า


มนุษย์ เราเมื่อคิดอะไร จะเป็นคลื่นความคิดกระจายออกไปจากหัวของเรา มันเป็นคลื่น เป็นวิทยาศาสตร์ เพียงแต่ว่ามนุษย์ยังไม่สามารถคิดค้นเครื่องแปลคลื่นเหล่านั้น ออกมาเป็นข้อความได้ จึงไม่อาจทราบได้ว่าบุคคลนั้นกำลังคิดสิ่งใด

เหมือน เมื่อก่อนนั้น แสงที่ออกมาจากร่างกายของเรา ที่เรียกว่าแสงออร่า ซึ่งมีหลายสี แต่ละสีก็หมายถึงสภาวะจิตในตอนนั้น ภาวะสงบ หรือภาวะฟุ้งซ่าน หรือปฏิบัติธรรมมามาก ก็จะมีสีสันแตกต่างกันออกไป

ใน ตอนนั้น เมื่อวิทยาศาสตร์ยังไม่เจริญ ยังไปไม่ถึง ก็เลยเห็นได้เฉพาะคนที่ฝึกสมาธิ ฝึกจิตอย่างเชี่ยวชาญ มีความละเอียดของสภาวะจิต ก็จะสามารถมองเห็นแสงออร่าของบุคคลอื่นได้ และสามารถรู้เห็น หรือทายทักสภาวะอารมณ์ในขณะนั้นได้

แต่ ตอนนี้ วิทยาศาสตร์เจริญมากขึ้น สามารถคิดค้นเครื่องถ่ายแสงออร่าออกมาได้แล้ว ซึ่งก็จะเห็นแสงออร่าที่แตกต่างตามสภาวะจิตของบุคคลนั้น ในขณะนั้น

แสงออร่า ....จึงกลายเป็นเรื่องที่....ไม่ใช่สิ่งแปลกอีกต่อไป เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญไปถึง


แสงออร่า ที่เคยเป็นความลับของบุคคลนั้น ก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป


สิ่งที่มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ความคิดก็ไม่ใช่ความลับ .... เพราะความลับไม่มีในโลก

นั่นคือ เมื่อคิดสิ่งใด บุคคลอื่น ๆ ก็จะสามารถรู้ได้ แม้บุคคลนั้น จะเข้าใจว่าเราปกปิดเรื่องนั้นไว้ไม่บอกใครก็ตาม นั่นเป็นเพราะว่า...

ความ คิด...เป็นคลื่น เป็นคลื่นความคิด เป็นวิทยาศาสตร์ เมื่อคิดอะไร คลื่นความคิดก็จะแผ่กระจายออกมาจากสมองของเรา แม้จะคิดอยู่คนเดียว รู้อยู่คนเดียว เหมือนกับว่า .. นี่คือความลับที่อยู่ในหัวของเราคนเดียว แต่แท้จริงมิใช่เช่นนั้น เมื่อคิดสิ่งใด สิ่งนั้นได้ถูกส่งออกไปแล้วในทันที

ดัง นั้น ผู้ที่มีจิตละเอียด ผู้ที่ปฏิบัติสมาธิ ผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านจิต จึงสามารถเห็นคลื่นความคิดเหล่านั้น อ่านคลื่นความคิดเหล่านั้นได้ แปลข้อความออกมาได้ จึงรู้ว่า บุคคลนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนั้น

จึงเหมือนเรื่องเหลือเชื่อ เรื่องมหัศจรรย์ที่คนอื่นนั้นรู้วาระจิตของเราได้ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

แต่ ความจริง สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ แต่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึงเท่านั้น จึงเหมือนเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับมนุษย์โลก

แต่ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมนุษย์ต่างดาว หรือสำหรับผู้ที่มีความเจริญทางจิต ที่มีคลื่นจิตละเอียดจะสามารถรับคลื่นความคิดจากบุคคลอื่นได้ ดังนั้น ผู้มีความเจริญทางจิต เขาจึงส่งความคิดถึงกันด้วยคลื่นความคิด โดยไม่ต้องใช้คำพูด หรือจะเรียกว่าสื่อสารทางจิต ส่งกระแสจิต ส่งโทรจิต หรือจะเรียกใด ๆ ก็ตาม ก็คือการติดต่อกันได้ โดยไม่เกี่ยวกับระยะทาง

เช่นเดียวกัน หากในอนาคตข้างหน้า วิทยาศาสตร์เจริญขึ้น มนุษย์ก็จะสามารถคิดค้นเครื่องแปลคลื่นความคิด ออกมาเป็นข้อความได้เช่นกัน

เมื่อนั้น ความคิดก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

ซึ่ง ตอนนี้ วิทยาศาสตร์ของเราแม้จะยังไม่เจริญไปถึงผลิตเครื่องมือแปลความคิดของคนอื่น ได้ก็ตาม แต่ก็กำลังพัฒนาเครื่องมืออยู่ในขณะนี้ คือสามารถผลิตเครื่องจับเท็จได้แล้ว คือรู้ความคิดของคนนั้นแล้ว ว่าพูดจริงหรือไม่จริง แม้จะยังไม่สามารถพัฒนาจนถึงแปลเป็นข้อความออกมาได้ แต่ก็อาศัยรับรู้จากการเต้นของหัวใจ หรือการแสดงออกในความคิดรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งมันฟ้องออกมาเป็นคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน

เพียงแต่ยังไม่เจริญไปจนถึง...ผลิตเครื่องแปลความคิดออกมาเป็นคำพูดได้เท่านั้น


แต่มนุษย์ต่างดาว เขาไปไกลกว่านั้น เขาจึงผลิตเครื่องมือแปลคลื่นความคิดได้...แล้วเอามาให้ใช้ในยามจำเป็น

นี่คืออุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งของมนุษย์ต่างดาว ที่ผลิตมาให้ใช้ตามความจำเป็นของแต่ละงาน

จึงไม่ได้หมายความว่า ผู้ใช้อุปกรณ์เป็นผู้วิเศษ สามารถรับรู้ความคิดของคนอื่นได้ด้วยตนเอง

ซึ่งตอนนี้ อุปกรณ์แปลคลื่นความคิดของมนุษย์ต่างดาว ได้มีการติดตั้งให้กับกลุ่มประสานงานฯ บางท่านไปแล้ว เป็นอุปกรณ์แปลคลื่นความคิด เป็นเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถใช้งานได้จริง

ดัง นั้น จึงมีอาจารย์บางท่าน สามารถอ่านความคิดของคนอื่นได้ ซึ่งพอเห็นหน้าก็รู้ว่ากำลังคิดอะไร ตอบคำถามได้โดยคนนั้นยังไม่ทันได้ถามด้วยซ้ำ

แต่มิได้หมายความว่าจะไปรู้ความคิดของทุกคน เพราะเครื่องแปลคลื่นความคิด จะเปิดให้ใช้ในยามที่จำเป็นในงาน และเกี่ยวข้องกับบุคคลนั้น ๆ เท่านั้น เรียกว่าใช้เฉพาะกิจ กับเฉพาะคน และเฉพาะงาน

การ ใช้งานก็คือ อุปกรณ์ดังกล่าวจะรับคลื่นความคิดจากบุคคลอื่น ที่กำลังคิดในเรื่องใด ๆ แต่มิได้กล่าวออกมา คลื่นความคิดนั้น จะผ่านเข้ามาในอุปกรณ์ เมื่ออุปกรณ์แปลคลื่นเป็นข้อความแล้ว ผู้ใช้อุปกรณ์ก็จะเข้าใจในสิ่งที่บุคคลนั้นกำลังคิดอยู่ เหมือนรู้วาระจิตคนอื่น แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ เพียงแต่ใช้อุปกรณ์เป็นตัวแปรคลื่นความคิดนั้น

แล้วอาจมีการตอบโต้กลับไป โดยระบบจะผ่านเป็นคำพูดของผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์ ไปยังบุคคลนั้น

ซึ่งบางครั้ง ผู้ที่พูดออกไป ก็อาจจะงง ๆ ว่าเรารู้ได้อย่างไร เราพูดออกไปยังงี้ได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเลย

ก็อย่าตกใจ เป็นเพียงการทดสอบการใช้อุปกรณ์เครื่องรับคลื่นความคิด แปลเป็นคำพูด แล้วส่งผ่านออกไปเท่านั้น

ทั้งหลายทั้งมวลนี้ ไม่เกี่ยวกับเรา มันไม่ใช่เรา เป็นการทำงานของอุปกรณ์รับคลื่นความคิดแล้วแปลเป็นข้อมูลเท่านั้นเอง

ไม่มีเราเก่ง ไม่มีเรารู้ ไม่มีผู้วิเศษ ..... ต้องปล่อยวางอย่างเดียว

เพราะ ถ้าไม่ปล่อยวาง ความคิดของคุณเอง ของผู้ที่ใช้อุปกรณ์เองที่ยังยึดมั่นถือมั่น...ก็จะถูกส่งออกมาเป็นคลื่น ความคิด แล้ว...มนุษย์ต่างดาวผู้มีความเจริญทางจิต ซึ่งสามารถแปลคลื่นความคิดนั้นได้ ความคิดนั้น จึงไม่เป็นความลับอีกต่อไป

เมื่อคิดอะไรเขาจึงรู้ได้ทั้งหมด ว่ายังยึดมั่นถือมั่นกันอยู่หรือไม่.. หรือปล่อยวางกันได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว...

เพราะ...ความลับไม่มีในโลก....นั่นเอง

ความเข้าใจกายมนุษย์(ขันธ์ห้า)เบื้องต้น

การได้เกิดมาในภูมิมนุษย์ หาได้เกิดกันมาได้ง่ายๆ
เมื่อเกิดมามีขันธ์ห้า ต้องระลึกรู้เสมอว่า
ขันธ์ห้านี้ ไม่ใช่ของเราโดยแท้
มันเป็นการรวมกันของ ธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ประกอบกันขึ้นมาเป็นขันธ์ห้า (รูป กับนาม)
ผสมผสานกันมากับกุศลจิตเดิม และอกุศลจิตเดิม
หรือวิบากรรม
ทำให้ขันธ์ห้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาการครบสามสิบสองบ้าง
ไม่ครบสามสิบสองบ้าง
มีการกระทำที่แตกต่างกันไป ทั้งบุญและบาป

จิตที่เกิดใหม่ต้องรู้จักถอยออกมารับรู้ ดูอาการและการกระทำของจิตเดิมในขันธ์ห้า
เพราะขันธ์ห้านี้แหละที่จะเก็บบันทึกรหัสกรรม การกระทำที่เคยทำมาอย่างสันทัดจัดเจนในอดีตชาติ
นับหมื่นนับพันนับร้อยชาติ แล้วแสดงออกมา แสดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้จักเบื่อ
เพราะมันถูกหล่อหลอมมาแบบนั้นนั่นเอง

เมื่อเรารู้แล้วเราต้องพัฒนาจิตใหม่ที่เกิดมาในขณะปัจจุบัน
ให้มีสติรู้เท่าทัน
เมื่อรู้เท่าทัน อาการการแสดงของขันธ์ห้าแล้ว
ก็สามารถดีดออกจากวังวน การเวียนว่ายตายเกิด
ในรูปแบบของขันธ์เดิมนี้ได้


อย่าไปปล่อยวาง แบบไม่ยินดี ยินร้าย
ให้ขันธ์ห้ามันทำตามอำเภอใจ
ต้องรู้จักปล่อยวางอย่างชาญฉลาด
โดยมีสติกำกับตลอดเวลา

ทันบ้าง ไม่ทันบ้างก็ไม่เป็นไร
ดีกว่าไม่ทัน และไม่รู้ ไม่เข้าใจมัน
นั่นและ เราจะจมดิ่งอยู่กับมันไปตลอดชั่วอนันต์ หาทางหลุดพ้นไม่พบ

คราวใดจิตขุ่นมัว หรืออาฆาตพยาบาท
ต้องรู้เสมอว่า มันเป็นบทบาทเดิมๆที่ขันธ์ห้าเคยเล่น
ปล่อยให้มันเล่นไป เราต้องเป็นผู้ดูที่ฉลาดในการพัฒนาชีวิตจิตวิญญาณ
ไม่ตกเป็นทาสสนิท ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดมันอีกต่อไป

เมื่อจิตประภัสสรแล้ว แสงสว่างแห่งการหลุดพ้นก็จะตามมา
ขอให้ทุกคน เป็นนักรบแห่งแสงสว่าง
กระทำทุกทาง เพื่อให้แสงสว่าง แห่งรักและเมตตา ปรากฏกระจายครอบคลุมทั้งโลกและจักรวาล.