กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา)

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ระบบ / แจ้งเพื่อทราบ

หลาย ๆ เรื่องราว หลาย ๆ ข้อความที่มนุษย์ต่างดาว
"แจ้งเพื่อทราบ" นั้น อาจเป็นเรื่องใหม่ ที่หลายท่านไม่เคยได้รับรู้มาก่อน จึงย่อมเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก จึงต้องใช้ปัญญาพิจารณาอย่างยิ่งยวด

อย่าได้เชื่อด้วยศรัทธาในตัวบุคคล
แต่ให้ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง และปฏิบัติจนเห็นจริงก่อน จึงค่อยเชื่อ

เพราะมนุษย์ต่างดาว เน้นให้ใช้ปัญญา
ไม่ใช่ให้ศรัทธามนุษย์ต่างดาว


เพราะ หลายเรื่องราว ที่มนุษย์ต่างดาวมาบอกไว้นั้น มันเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ สามารถทำได้ เพราะไม่ได้ยากเกินไปหากเข้าใจได้ถูกตรง


แต่สิ่งที่ยาก ก็คือ..... ยากจะเชื่อได้
เพราะส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจว่า......ผิดทาง....ไปเสียก่อนแล้ว

เนื่องจากรูปแบบ วิธีการฝึก การดำเนินกิจกรรม การทำงาน มันสวนทางกันกับสิ่งเคยเข้าใจ
จึงดูเหมือนมันไม่ใช่การปล่อยวาง

เพราะงานที่ถูกออกแบบไว้ คือต้องอยู่กับความวุ่นวายตลอดเวลา ไม่อาจหาเวลาหนีไปหาความเงียบสงบได้ในช่วงเกิดภัยพิบัติ

จึงต้องใช้การออกจากขันธ์ 5 ด้วยการพิจารณาเห็นตามความเป็นจริง

จึงจะอยู่กับขันธ์ 5 อย่างสงบได้ ท่ามกลางความวุ่นวายที่ต้องเผชิญ

รูปแบบจึงดูแตกต่างออกไปจนยากจะเชื่อได้ในบุคคลส่วนมาก


ดังนั้น ระบบจึงทำได้เพียง....แจ้งเพื่อทราบ.....เท่านั้น
ส่วนที่เหลือท่านต้องใช้ปัญญาของท่านพิจารณาไตร่ตรองด้วยตัวท่านเอง

เหมือนหนังสือมากมาย ที่วางขายอยู่ในร้านหนังสือ
แม้เขียนเรื่องเดียวกัน คนเขียนแต่ละท่าน ก็มีความคิด ความเข้าใจ มีการถ่ายทอดเรื่องราวที่แตกต่างกัน
ต่างคนต่างเขียน ต่างคนต่างมุมมอง ต่างคนต่างความเข้าใจ
เขียนแล้วก็ออกวางขายให้ผู้สนใจในเรื่องนั้น ๆ ได้ซื้อหาไปอ่านกัน

บางคนชอบเล่มนี้ บางคนชอบเล่มนั้น ต่างซื้อหากลับมาศึกษาข้อมูล

ท่านใดที่ซื้อหนังสือเล่มใด ๆ ไป ก็จะทราบได้ในข้อความจากหนังสือเล่มนั้น
ท่านใดที่ไม่ได้ซื้อหนังสือเล่มใด ๆ ไป ก็ไม่อาจทราบได้ในข้อความของหนังสือเล่มนั้น

ดังนั้น ทุกคนจึงรับรู้ในแต่ละเล่มที่ตนเองได้อ่าน
แม้ว่าจะรับทราบ รับรู้ข้อความมากมายในหนังสือเล่มนั้นที่ได้อ่านไป

ก็ไม่ได้หมายความว่า....ต้องเชื่อตามนั้น

ผู้อ่าน ต้องเป็นผู้ไตร่ตรองเอง ต้องใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองในข้อมูลเหล่านั้นเอง
เพื่อที่จะได้ไม่ไปกล่าวหาว่า เพราะหนังสือเล่มนี้ทีเดียว ทำให้เราหลงทาง ทำให้เราเสียเวลา

แล้วก็มุ่งหน้าที่จะหาเล่มใหม่ต่อไป แล้วก็เกิดมั่นใจในหนังสือเล่มนั้น ๆ อีกครั้ง
หากวันใด มีเล่มใหม่น่าเชื่อถือได้มากกว่าเข้ามา
เล่มที่เคยคิดว่าดีนั้น ก็จะผันแปรไป ตามเหตุปัจจัยที่เปลี่ยนแปลง

ซึ่งหนังสือแต่ละเล่ม จะเหมาะสมตามความเข้าใจของแต่ละคน
อาจไม่เหมาะสมสำหรับคนนี้
แต่ก็อาจจะดี และเหมาะสมกับบุคคลอื่นเช่นกัน

ดังนั้น เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา การมาวางโครงการเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติบนโลกใบนี้
จึงเป็นเรื่องราว ที่มีเพียงเฉพาะบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีความเชื่อคล้ายกัน ที่ผ่านมาพบเจอ ได้อ่าน ได้รับทราบ
ซึ่งมีเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเทียบกันคนมากมายบนโลกใบนี้

ซึ่งนั่นก็มิได้หมายความว่า ทุกคนที่มาพบเจอแล้ว จะมาเชื่อ มาเข้าใจได้ทุกคน


ดัง นั้น สมาชิกรุ่นใหม่ ๆ หลายท่าน ที่เพิ่งเข้ามาติดตามเรื่องราวของเขากะลา อย่าเชื่อโดยศรัทธาในตัวบุคคล ที่เป็นเพียงภาพมายา อย่าเชื่อโดยตาม ๆ เขามา อย่าเชื่อโดยเขากล่าวกันว่า อย่างนั้น อย่างนั้น

ควรนำแนว ทางการ ปฏิบัติ ที่มุ่งเน้นให้ปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ไปพิจารณาเทียบเคียงกับธรรมะที่พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ ว่าแตกต่างกันหรือไม่? อย่างไร ?

และควรเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ?


นี่คือคำเตือน..... จากมนุษย์ต่างดาว

ที่ให้ใช้ปัญญา
อย่าใช้ศรัทธา หรือเชื่อจากคำบอกเล่าใด ๆ


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

UFO จานบินที่สิงห์บุรี 2541

ระบบ /why us?

มนุษย์ต่างดาวเคยบอกไว้นานแล้วว่า มนุษย์โลกมักจะเชื่อถือชาติที่มีเทคโนโลยีสูง ชาติที่เจริญทางด้านวัตถุ ชาติมหาอำนาจ มากกว่าชาติเล็ก ๆ หรือประเทศเล็ก ๆ ที่มีเทคโนโลยีน้อยกว่า

ดังนั้น หากข่าวสารใดที่ออกมาจากประเทศมหาอำนาจที่มีเทคโนโลยี ประเทศที่เจริญด้านวัตถุ เช่นอเมริกา อังกฤษ หรือประเทศอื่น ๆ แถบยุโรปเป็นต้น ข่าวสารนั้นจะเป็นที่น่าเชื่อถือ เป็นที่น่าสนใจ และทั่วโลกก็พลอยรับรู้ ทั้งให้น้ำหนักกับข่าวสารนั้น ๆ มากเป็นพิเศษ

บุคคลต่าง ๆ ที่อยู่ในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ก็ย่อมให้ความสนใจในข้อมูลนั้น ๆ ตามข่าวสารที่ได้รับ และให้ความเชื่อถือตามไปด้วย

ซึ่ง ก็เป็นจริงเช่นนี้ แม้แต่เรื่องของจานบิน ufo หรือมนุษย์ต่างดาว ที่เป็นข่าวแพร่กระจายก็มาจากประเทศที่เจริญทางเทคโนโลยี ที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ออกไปทั่วโลก และประเทศต่าง ๆ ก็เริ่มให้ความสนใจ และเมื่อมีการพบเจอ วัตถุลึกลับมากขึ้นหลังจากนั้น ก็จะเรียกว่าจานบิน ตามที่ผู้พบและตั้งชื่อไว้

เพราะผู้พบคนแรกและ ตั้งชื่อวัตถุลึกลับนั้นว่า จานบิน ก็คือ เคนเนธ อาร์โนลด์ เป็นนักธุรกิจและนักบินชาวอเมริกัน เห็นวัตถุลึกลับ จำนวน 9 ลำ มีลักษณะเหมือนกับจานสองใบประกบกัน อาร์โนลด์จึงเรียกมันว่าจานบิน

ดัง นั้น แม้แต่ในประเทศอเมริกาเอง ก็ยังมีทั้งผู้ที่เชื่อเรื่อง ufo และผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องของ ufo และมีทั้งผู้ที่ต้องการปกปิดเรื่องราวของ ufo จนได้มีการเรียกร้องให้เปิดเผยข้อเท็จจริงกันอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ ช่วงนี้

เรื่องของ มนุษย์ต่างดาวในประเทศไทย เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ ถึงแม้จะได้เห็น จะได้พบ จะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีของเขาเองก็ตาม แต่ก็ยากที่คนทั่วไปจะเชื่อ

ดัง นั้น ผู้ทำงานกับมนุษย์ต่างดาว .... อย่าได้ไปกังวล อย่าได้ไปทุกข์ร้อนกับความไม่เชื่อของใคร ๆ หรืออย่าได้ไปท้อใจว่า...ทำไม...จึงมีคนเชื่อเรื่องนี้น้อยนัก

นั่น เพราะ...หน้าที่การให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา เป็นหน้าที่ของมนุษย์ต่างดาว เขาต้องมีการเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้การช่วยเหลือได้ทันเวลา

และถึงแม้ใครจะเชื่อ หรือจะไม่เชื่อ มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงเตรียมการเพื่อให้ความช่วยเหลืออยู่ดี

อยู่ที่ว่า มนุษย์โลก...จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้น

เพราะ ความช่วยเหลือ....เทคโนโลยีที่มนุษย์ต่างดาวได้เตรียมไว้เพื่อช่วยเหลือ มนุษย์นั้น เป็นเทคโนโลยีที่ไฮเทคเกินกว่าที่มนุษย์จะคาดเดา เกินกว่า ที่มนุษย์โลกจะเชื่อได้ หรือเข้าใจได้....นั่นเอง

เพราะสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวบอกไว้นั้น มันเป็น .... เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย ที่เกินกว่ามนุษย์จะจินตนาการจริง ๆ


และ ตอนนี้ มีข่าวจาก....ประเทศที่เจริญทางเทคโนโลยีอีกนั่นแหละ ที่พบว่า มียานอวกาศยักษ์มุ่งหน้ามาทางโลก ... นอกวงโคจรดาวพลูโต


หมายเหตุ...(มนุษย์ต่างดาวที่มาติดต่อกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มี 2 ดวงดาว คือ
ดาวโลกุกะตาปากะดิกอง(อยู่คนละจักรวาล)
และดาวพลูโต (ในจักรวาลเดียวกัน)



กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) Team.

ระบบ

ในการประมวลพลังเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานั้น

เป็นการเรียนรู้เพื่อการฝึกเรื่องขันธ์ห้า กับอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาว

โดยเป็นการฝึกแยกขันธ์ห้า ฝึกแยกอุปกรณ์ออกจากขันธ์ห้า ฝึกการใช้อุปกรณ์โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าอุปกรณ์นั้นเป็นของเรา เป็นตัวเรา

เพราะ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ทำงานนั้น จะเป็นการทำงานอยู่ในขันธ์ห้าของแต่ละบุคคล ตามงาน รูปแบบของอุปกรณ์ก็จะเป็นคล้ายความรู้สึกเราเอง เช่นรู้อดีต รู้อนาคต เห็นภาพล่วงหน้า หรือมีความรู้สึกว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้น บางครั้งอาจเห็นเป็นภาพ เห็นแสง สี หรือเสียง หรือมีพลังในร่างกายที่ใช้รักษาผู้อื่นได้

หากไม่เข้าใจ ไม่แยกให้ออกว่า.....นี่เป็นอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาวที่ให้มาเพื่อใช้ทำงาน ก็เสี่ยงต่อการไปยึดมั่นถือมั่นว่า ความพิเศษที่รับรู้ได้นั้น เป็นตัวเราของเรา

จึงต้องมีการประมวลพลังเพื่อสัมผัสคลื่นจากต่างดาว เพื่อฝึกแยกข้อมูล ที่ส่งลงมาที่ขันธ์ 5 ของแต่ละท่านในครั้งนั้น

หลังจากนั้น ผู้ที่ผ่านการประมวลพลังแล้ว ก็จะเริ่มเชี่ยวชาญในการแยกคลื่นจากต่างดาวได้มากขึ้น

แต่ ให้สังเกตุว่า ในช่วงการฝึกแยกข้อมูลนั้น ระบบไม่ได้ให้รู้ ให้เห็นนานล่วงหน้าเป็นเดือน เป็นปี อย่างเช่นบุคคลอื่น ๆ แต่จะส่งข้อมูลล่วงหน้ามาไม่นานก่อนเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ

คือได้รับทราบล่วงหน้า มีการเตรียมการณ์...ก่อนเหตุการณ์นั้นก็จะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

นั่น เป็นเพราะว่า ระบบไม่เคยบอกอะไรล่วงหน้านาน ๆ เพราะมันจะทำให้ผู้ที่ทำงานกับระบบไม่อยู่กับปัจจุบัน เพราะมนุษย์ชอบจะคิดวิตกกังวลไปในอนาคต ชอบจินตนาการล่วงหน้า และทุกข์ล่วงหน้า ถ้ารู้ ถ้าเห็นเหตุการณ์ในอนาคต

ดังนั้น การให้ทดลองรับข้อมูล แล้วเกิดเลยในระยะใกล้ ก็เป็นการฝึกให้รู้ว่า ไม่ต้องกังวล ระบบจะมีการแจ้งก่อน มีเวลาให้เตรียมตัวเสมอ

ดัง นั้น ในช่วงเวลานั้น ผู้รับคลื่นหลายท่านที่เริ่มมีตัวอย่างการรับข้อมูล ก็กำลังอยู่ในช่วงฝึกแยกข้อมูลทั้งสิ้น เป็นการทดสอบ ทดลองฝึกหัดแยกขันธ์ห้า แยกอุปกรณ์ และฝึกหัดใช้อุปกรณ์เหล่านั้นเพื่อให้เกิดความชำนาญ จะได้ไม่ไปยึดมั่นถือมั่นว่าอุปกรณ์เหล่านั้น เป็นตัวเรา เป็นของเรา จะทำให้เกิดอัตตาตัวตนมากขึ้นไปอีก ว่าเรารู้ เราเห็น เราวิเศษ ซึ่งเป็นการสวนทางกับการปล่อยวาง

เมื่อมีการปล่อยวางในระดับที่เพียง พอกับการไม่ยึดมั่นถือมั่นในอุปกรณ์ของมนุษย์ ต่างดาวแล้ว การติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทคอื่น ๆ ในล็อตใหญ่ก็จะตามมา ตามภาวะจิตที่ปล่อยวางได้มากเท่าไร อุปกรณ์ก็จะไฮเทคมากขึ้นเท่านั้น

การช่วยเหลือผู้อื่นก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) Team.

ระบบ / ที่มาKAOKALA 2 T6

ระบบ

และจากวันนี้น ถึงวันนี้ 2551-2553 เป็นเวลาเกือบ 2 ปีเต็ม ที่อาจารย์หลาย ๆ ท่าน ได้มีความแม่นยำในการรับข้อมูล แยกข้อมูลจากมนุษย์ต่างดาวที่ได้รับมา และสามารถใช้อุปกรณ์ไฮเทคจากต่างดาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อม ๆ กับมีการพัฒนาความสามารถในการเห็นความว่าง ว่างจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ในอัตตาตัวตนได้มากขึ้น

ดังนั้นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้เพ้อฝัน ไม่ได้จินตนาการไปเอง

แต่ มีหลักฐาน มีพยานบุคคลมากมาย ว่าอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาว มีประสิทธิภาพ สามารถทำงานได้จริง รู้เห็นได้จริง รักษาผู้ป่วยได้จริง ดังตัวอย่างผู้มาสัมผัส มารับรู้ และมารับการรักษาแล้วหายจากอาการป่วยต่าง ๆ มากมาย จากการจัดกิจกรรมในจังหวัดต่าง ๆ หลายครั้ง เพื่อทดสอบอุปกรณ์แพทย์แผนอนาคต ในการรักษาโรค สแกนกรรม ที่ผ่านมา

รวม ถึงเรื่องของประสบการณ์อื่น ๆ ที่สมาชิกได้พบเจออย่างต่อเนื่อง และได้นำมาเล่าไว้อย่างมากมายนั้น ไม่ว่าเรื่องของการเข้า - ออก มิติต่าง ๆ การย้ายมวลสาร การเตรียมการสร้างใยแก้วป้องกันรังสี หรือการมาทดลองด้านชีวภาพเพื่อการ เติบโตของพืชอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่การเพิ่มสารอาหารให้กับร่างกาย จนทำให้ไม่เกิดการหิวอาหารไว้ช่วงระยะเวลาหนึ่งได้นั้น ซึ่งมนุษย์ต่างดาวบอกว่า เทคโนโลยีเหล่านี้จะนำมาช่วยเหลือ และอุปกรณ์ไฮเทคอีกมากมายที่มนุษย์จะได้พบเจอในช่วงเกิดภัยพิบัติ

สิ่ง ที่มนุษย์ต่างดาวเคยกล่าวไว้ ว่าต้องให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลกในปัจจัย 4 ด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาวนั้น จึงเริ่มมองเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นในขณะนี้.....


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) Team.

ระบบ / ที่มา KAOKALA 2 T5

ระบบ

สิ่งสำคัญ...ที่ระบบมุ่งหมายให้ท่านรับทราบก็คือ

การ " แจ้งเพื่อทราบ " เรื่องของเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว เรื่องของอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาว ที่ติดตั้งให้กับมนุษย์แล้วสามารถนำไปใช้งานได้จริง ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นี่คือ ระบบต้องการให้ทราบว่า เครื่องมือของมนุษย์ต่างดาวมีจริง อุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาวมีจริง เรื่องของมิติที่เตรียมการเพื่อช่วยเหลือในยามวิกฤตินั้นมีการเตรียมพร้อม อยู่จริง และสามารถใช้งานช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติได้จริง

ก็ เพื่อให้ผู้ที่ทำงานร่วมกับระบบ ผู้ที่สัมผัสกับอุปกรณ์นั้นอยู่ ผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์นั้นอยู่ จะได้หายคลางแคลงใจ และมั่นใจในระบบว่า สิ่งที่ระบบกล่าวมาทั้งหมดนั้น .... เป็นเรื่องจริง .. และเราเป็นผู้หนึ่งที่สามารถใช้อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ จริง

ระบบจึงมีการ " แจ้งเพื่อทราบ " ให้กับมนุษย์โลกได้รับรู้.... ในโครงการของ "มนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา" มาถึงบัดนี้.. เป็นระยะเวลาเกือบ 13 ปีแล้ว ( 2 ธันวาคม 2540 - ตุลาคม 2553 )

และจะยังคงดำเนินการ...แจ้งเพื่อทราบ...ข้อมูลจากมนุษย์ต่างดาวต่อไป...พร้อม ๆ กับภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในขณะนี้


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) Team.

ระบบ / ที่มา KAOKALA 2 T4

ระบบ

เรื่องราวของจานบิน เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว เป็นเรื่องราวที่ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ ในการมาปรากฏให้เห็นบนโลกใบนี้

มี หลักฐานบันทึกไว้ตามที่ต่าง ๆ มานานแล้ว ไม่ว่าจากการวาดภาพตามผนังถ้ำของคนสมัยโบราณนับพัน ๆ ปี หรือจากหลักฐานที่ค้นพบในยุคนี้ ทั้งในเรื่องของจานบิน ในเรื่องของวัตถุแปลก ๆ หรือภาพถ่ายต่าง ๆ ก็ตาม นั่นเริ่มมีการยอมรับมากขึ้นว่า มีดวงดาวมากมายที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ และผู้ที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีนั้น ได้เดินทางมาโลกมนุษย์แล้ว

แต่การที่จะติดต่อสื่อสาร จะรับทราบวัตถุประสงค์ของเขานั้น เป็นเรื่องยาก

ดัง นั้น การที่กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้รับข้อมูลมามากกว่า 10 ปีนั้น เมื่อหลักฐานต่าง ๆ ยังไม่ปรากฏ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก ดังนั้น การที่จะให้บุคคลใด ๆ มาเชื่อนั้น จึงไม่อาจทำได้ นอกจากนำข้อมูลมาแจ้งให้ทราบไว้ก่อน เพื่อให้ท่านศึกษาวิเคราะห์ในเหตุและ ผล กับการเริ่มปรากฏขึ้นจริงในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อเทียบเคียง

ดัง เช่นเรื่องราวที่มนุษย์ต่างดาวที่เขากะลามาวางโครงการเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ นั้น ได้มีการบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในวัตถุประสงค์เรื่องเดียวนี้ มานับ 10 ปีแล้ว แต่ความชัดเจนในตอนนั้น ยังไม่ปรากฏ เพราะเป็นการบอกล่วงหน้า

ในเรื่องภัยพิบัติจะเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ถี่ขึ้น โดยจะเริ่มมาจากต่างประเทศก่อน
ทั้งเรื่องของการมาเตรียมโครงการเพื่อฝึกบุคคลเข้าร่วมทำงานกับมนุษย์ต่างดาว จำนวน 5,000 คนทั่วโลก
การนำจานบินมาปรากฏให้มนุษย์เห็นเพื่อทำความคุ้นเคย
การสื่อสารผ่านบุคคลแบบ 1 ต่อ 1 เพื่อทำงานร่วมกัน
การถ่ายทอดเทคโนโลยีและอุปกรณ์ให้กับมนุษย์โลก
การติดตั้งอุปกรณ์ให้ผู้ทำงานเพื่อนำไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
มนุษย์เดินทางด้วยจานบินในช่วงเกิดภัยพิบัติ โดยใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง
การสร้างใยแก้วครอบพื้นที่จุดปลอดภัย เพื่อป้องกันรังสีนิวเคลียร์ยังจุดต่าง ๆ ทั่วโลก หากมีการระเบิดขึ้น
การสกัดกั้นนิวเคลียร์ในบางส่วน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตมนุษย์ในส่วนรวม

และอีกหลายข้อมูลที่ได้มีการแจ้งให้ทราบ และทุกสิ่งที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้นับ 10 ปีนั้น ได้เริ่มเปิดเผยให้เห็นมากขึ้น


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ระบบ / ที่มา KAOKALA 2 T3

ระบบ

การใช้ขันธ์ห้า เป็นเครื่องมือในการรักษาผู้ป่วย ณ สถานที่ต่าง ๆ

การ ที่คณะแพทย์แผนอนาคต ได้ทำการรักษาผู้ป่วย จนหลายท่านอาการทุเลาเบาบาง และบางท่านหายจากอาการเจ็บป่วยเหล่านั้นเกือบจะในทันทีที่กำลังรักษา ก็ ตามนั้น

เนื่องด้วย มีเหตุปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน จึงสามารถเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

อาจมิใช่เรื่องมหัศจรรย์ใด ๆ อย่างที่คนทั่วไปคิดกัน

เหมือนเราไม่สบาย อยู่ใกล้โรงพยาบาล ไปพบหมอ หมอฉีดยา เราก็หายป่วยได้

แต่หากอีกคนไม่สบายเหมือนกัน แต่อยู่กลางดงลึก ไม่สามารถมาหาหมอได้ เขาอาจไม่รอด

นั่นคือ เหตุปัจจัยเอื้ออำนวยต่อผู้ที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล คือมาหาหมอทันก็มีโอกาสหาย

ผู้ที่อยู่ไกล เหตุปัจจัยไม่เอื้ออำนวย มาหาหมอไม่ได้ ก็มีโอกาสตาย

ดังนั้น ผู้ที่มีโอกาสได้เข้ามาหา มาถึงแพทย์แผนอนาคตได้

จะด้วยเหตุปัจจัยใด ๆ ก็ตาม เขาก็มีโอกาสที่จะหายได้เช่นกัน

บุคคลนั้น ก็ต้องมีเหตุปัจจัยเอื้ออำนวยให้มาพบเจอ

ดังนั้น อุปกรณ์ที่ใช้รักษาโรค และติดตั้งให้กับแพทย์แผนอนาคต
เพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วย เพื่อเป็นการยังประโยชน์ผู้อื่นนั้น

บุคคลที่ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ ให้ทำหน้าที่เป็นหมอใช้อุปกรณ์นั้น ๆ ได้
ก็ต้องมีเหตุปัจจัยเพียงพอ คือมีต้นทุนเก่าเพียงพอที่จะขันอาสาเพื่อมาทำงานนี้

มาทำหน้าที่ยังประโยชน์ท่านทั้งหลายที่กำลังเจ็บป่วย ตามเหตุปัจจัยแต่ละท่าน
คณะแพทย์ฯ ก็เช่นกัน ขณะทำงานไป ก็ต้องปล่อยวางไป เพื่อได้ประโยชน์ตนไปพร้อม ๆ กัน

ผู้ ที่ได้รับการรักษา ก็ต้องมีต้นทุนเก่า เหตุปัจจัยพร้อมที่จะมารับการรักษา มีโอกาสได้รับการสแกนกรรม และมีโอกาสได้ขออโหสิกรรม แล้วความเจ็บป่วยเหล่านั้นหายไป

ไม่ใช่ความมหัศจรรย์ใด ๆ แต่เหตุปัจจัยผลักดันให้เป็นไปอย่างนั้น อย่างนั้น

จึง..... ถูกต้อง....ในทุกทุกอย่าง ตามเหตุปัจจัยนั้น ๆ

หายป่วย...ก็ถูกต้อง ไม่หายป่วย...ก็ถูกต้อง

เพราะไม่อาจไปทราบได้ ว่าเหตุปัจจัยของบุคคลนั้นเป็นอย่างไร

ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาบุคคลอื่น ๆ ต่างหาก ที่ระบบมุ่งเน้นให้ทำการปล่อยวาง

ให้มองเห็นความว่าง....จากการไปยึดมั่น..ต้องเป็นอย่างนั้น..อย่างนี้

ฝึกความเห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง ตามเหตุปัจจัย

หายก็ถูกต้อง ไม่หายก็ถูกต้อง

เหมือนโรงพยาบาล มิใช่ว่าต้องหายทุกคน

บางคนหาย บางคนไม่หาย แล้วแต่เหตุปัจจัยของโรคนั้น ๆ

เพียงแต่ว่า ถ้ามีโอกาสเข้ามาถึงมือหมอ ก็จะมีโอกาสได้รับการวินิจฉัย และอาจมีโอกาสหายมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น ผู้ที่ทำทำหน้าที่รักษาผู้ป่วย อย่าได้ไปคาดหวังว่า...ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้

เพราะนี่คือเหตุแห่งทุกข์

เพราะเมื่อคาดหวัง แล้วไม่สมหวัง ท่านนั่นแหละจะเป็นผู้ทุกข์

เพราะคนมารักษาอาจจะไม่ทุกข์ เพราะก่อนมาก็เป็นอย่างนี้ กลับไปหายก็ดีแล้ว ไม่หายก็เท่าเดิม

เพราะ...คุณหมอมีเพียงมือเปล่า ๆ

สองมือเปล่า รักษาหายได้ ก็มิใช่ต้องน่าปลื้มใจอะไรนัก

สองมือเปล่า รักษาไม่หาย ก็มิใช่ต้องเสียใจอะไรนัก

ให้เห็นความเป็นอย่างนั้นเอง ของเหตุปัจจัยแต่ละคนที่เข้ามากระทบ ทั้งดีใจ เสียใจ

ผู้ที่หายป่วย ก็ยินดีปรีดา ย่อมสรรเสริญ เยินยอ ก็เป็นเช่นนั้น ตามเหตุปัจจัยเมื่อหายป่วย

ผู้ที่ไม่หายป่วย ก็เสียใจ บ่นว่ากันไป ก็เป็นเช่นนั้นตามเหตุปัจจัย เมื่อไม่หายป่วย

ถ้าเข้าใจได้ว่า เขาหายเขาก็ต้องชื่นชม สรรเสริญ เป็นธรรมดา

ถ้าเขาไม่หาย เขาก็ต้องขุ่นข้องหมองใจ นินทา ก่นด่า เป็นธรรมดา

ควรหรือ จะไปยินดี ยินร้าย กับเหตุปัจจัยของบุคคลเหล่านั้น

เขาชม เขาด่า ถ้าเห็นได้ว่า มันเท่ากัน

ท่านนั่นแหละ ที่จะไม่เป็นทุกข์

การที่จะอยู่เหนืออารมณ์ เหนือสุข เหนือทุกข์ ได้

ก็ต่อเมื่อ เข้าใจในความเป็น "เช่นนั้นเอง" ของทุกสรรพสิ่ง

นี่คือ "ประโยชน์ตน"
สิ่งเดียว...ที่...ทำได้
และหลายท่าน...ได้ทำ...ไปบ้างแล้ว


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ระบบ

การมาพบเจอเรื่องของระบบ เป็นคนของระบบ เป็นผู้ที่อาสามาทำงานร่วมกับระบบ ท่านย่อมต้องพบเจอกับเรื่องราวที่เหลือเชื่อมากมาย เรื่องราวที่หาคำอธิบายไม่ได้ แต่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น การที่จะไปยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่ได้รับรู้ ผ่านอายตนะทั้ง 6 นั้น จึงจะไม่เป็นตรงไปตรงมาดังที่คาดหวัง

เมื่อมีความเข้าใจ แม้พบเจอเหตุการณ์ใด ๆ ก็จะมีสติรู้เท่าทัน จึงไม่รีบไปตัดสิน ไม่รีบไปคาดการณ์ ไม่รีบไปคาดหวังว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ในทันทีทันใด เพราะอาจจะไม่เป็นดังที่คิดไว้ก็เป็นได้

ความคาดหวัง ความคิดที่จะไปบังคับบัญชาให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็จะน้อยลง
การที่จะไปยึดมั่นถือมั่น ในความแปรปรวนนั้น ๆ ก็จะน้อยลงตามไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความทุกข์ที่เกิดจากความคาดหวัง ความผิดหวัง ความไม่ได้ดังใจหวัง ก็จะลดน้อยตามไปด้วยเช่นกัน

เพราะ สิ่งที่พบเจอ สิ่งที่สัมผัส สิ่งที่ได้รับรู้นั้น มันจะเป็นอย่างนั้น หรือไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ อย่าไปยึดมั่นถือมั่น อย่าไปคาดคั้นว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะโดยแท้จริงแล้ว เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า สิ่งที่เห็นจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่

จึงต้องใช้การปล่อยวางเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าเหตุการณ์นั้น ๆ จะเป็นอย่างไร

ดัง นั้น สมาชิกของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ที่มีความเข้าใจในกลไกของขันธ์ 5 และเข้าใจการทำงานร่วมกับระบบแล้ว ก็จะไม่ไปยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ในทุกสถานการณ์ที่พบเจอ เพราะในการทำงานกับระบบ จะมีทั้งประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน

ประโยชน์ตน คือเรียนรู้ขันธ์ 5 เพื่อละวางอัตตาตัวตน ออกจากอุปาทานทั้งปวง

และ ประโยชน์ท่าน คือการช่วยเหลือบุคคลอื่น ซึ่งในส่วนนี้ ต้องมีการประสานงานกับคณะบุคคลอื่น ๆ มากมาย และมีการใช้อุปกรณ์จากต่างดาวร่วมด้วย จึงไม่อาจที่จะไปยึดได้ว่านี่เป็นของเรา

ดังนั้น การทำงานเพื่อประโยชน์ท่านนั้น ก็จะแนบประโยชน์ตนไปพร้อมกันด้วย เพื่อไม่ให้ไปยึดว่า สิ่งที่ระบบกำลังทำนั้น อย่าไปยึดมั่นว่า...เป็นจริง เป็นจัง ดังที่เห็น ดังที่ได้ยิน ดังที่สัมผัส

เพราะอาจจะเป็นอย่างนั้น หรือไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ ดังนั้น การที่จะไปเถียงกันหัวชนฝา ว่าข้าจริง ข้าถูก ข้าแน่ ก็จะน้อยลง เพราะจะไม่มีใครแน่ ใครจริง ใครถูก ใครผิด ในแต่ละเหตุการณ์ เพราะทุกอย่างเป็นการสมมุติขึ้นเพื่อการเรียนรู้ และให้ปล่อยวาง ในแต่ละสถานการณ์เท่านั้น

อยู่ที่ว่า สถานการณ์ใด ใครยึดมากก็ทุกข์มาก ใครยึดน้อย ก็ทุกข์น้อย ใครไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์

ดัง นั้น ในรุ่น1 เรียกว่าเป็นรุ่นพบเจอเหตุการณ์เรื่องของมิติมากที่สุดก็ว่าได้ ก็เพื่อให้ได้รับรู้ รับทราบ และเป็นตัวอย่างให้กับเขากะลารุ่นที่ 2 ได้รับรู้ เพื่อที่เมื่อ ได้พบเจอเรื่องมิติ เรื่องอุปกรณ์ เรื่องการย้ายมวลสาร ก็จะได้ไม่ไปยึดมั่น ไม่ไปคาดคั้น ไม่ไปคาดหวัง ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อง่ายต่อการปล่อยวาง

และ เขากะลารุ่นที่ 2 เมื่อพบเจอหลายครั้งเข้า ก็จะเข้าใจ และไม่ไปยึดมั่นถือมั่น ไม่ทุกข์กับสิ่งต่าง ๆ ที่พบเจอ ดังที่อาจารย์หลาย ๆ ท่านได้เล่าไว้ให้ฟังในหลาย ๆ บทความนั้น ก็เพื่อให้รุ่นที่ 3 ที่กำลังเข้ามารับงานต่อเนื่องนั้นได้เป็นตัวอย่าง และทำความเข้าใจ จะได้ไม่ไปทุกข์ฟรีกับสิ่้งที่กำลังทดสอบอยู่ในขณะนี้

นี่เป็นประโยชน์ตนอย่างเดียว ที่พึงได้จากระบบ คือให้ละการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5

ระบบจึงได้มีการทำความเข้าใจในทฤษฏีของระบบ เพื่อให้ผู้ร่วมงานเอาตัวรอดจากความทุกข์ขณะทำงานนั่นเอง


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ระบบ / ที่มา KAOKALA 2 T2

ระบบ

งานเฉพาะกิจครั้งนี้ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ และยากที่จะอธิบายให้บุคคลทั่วไปเข้าใจได้ ระบบจึงมุ่งหมายให้คนของระบบที่วางไว้ 5,000 คนทั่วโลกในโครงการนี้ ได้มาพบเจอกัน มารู้จัก มาเข้าใจ และทำงานร่วมกันก่อนในขั้นต้น

จะมาพบเจอ มารู้จักกันได้อย่างไร เพราะต่างคนต่างอยู่ หลากหลายสถานที่ หลายจังหวัด หลายประเทศ

ดังนั้น จึงต้องมีรูปแบบ จึงต้องมีการรวมกลุ่ม มีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นมา ให้คนทั่วไปได้รับรู้

มี การ...แจ้งเพื่อทราบ แจ้งข่าวผ่านทางสื่อมวลชน ทางทีวี ทางหนังสือพิมพ์ ทางนิตยสารมากมายหลายฉบับ เพื่อเป็นการส่งข่าวไปยังผู้ที่อาสาลงมาร่วมงานในโครงการเดียวกัน จะได้รับทราบ และเข้ามาพบเจอกัน

ดังนั้น หลายคนที่รู้จักเขากะลา รับรู้ความเป็นมา ก็เพราะดูจากรายการทีวี อ่านจากหนังสือ นี่คือสื่อ....ที่จำเป็น

แต่มิใช่ว่า เขากะลาจะอยากเด่น อยากดังใด ๆ แต่เพราะงานระบบ...ต้องดำเนินไปตามแนวทางอย่างนั้น

....มี "จานบิน" มากมาย มาปรากฏ เพื่อประกอบฉาก....เพื่อให้เกิดความสนใจ และเข้ามาศึกษาว่า...มนุษย์ต่างดาว...มาทำไม? บนโลกใบนี้

และ สุดท้าย เมื่อเข้ามาศึกษา ก็จะพบว่า จะมีทั้งเรื่องของต่างดาว และเรื่องธรรมะการละวางอัตตาตัวตน ควบคู่กันไปด้วย และเป็นประโยชน์ตนสูงสุด ของผู้ทำงาน

บุคคลของระบบท่านนั้น ๆ จะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน ก็เป็นไปตามงานของแต่ละท่านที่ได้อาสาลงมา

ถ้ามีฉากร่วมกันนาน ก็จะเข้าใจ อยู่ร่วมกันไป ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันตามงาน
ถ้ามีฉากร่วมกันน้อย ก็ผ่านมา แวะทักทาย แล้วผ่านไปทำงานของแต่ละท่าน....ที่ได้รับมอบหมายมา

คนระบบอีกมากมาย ที่ไม่เคยได้พบเจอ ไม่เคยได้รู้จัก ไม่เคยได้พบหน้า แต่รับรู้ว่ากลุ่มนี้กำลังทำอะไร
เพราะรับรู้ผ่านอินเตอร์เน็ททางไกล นั่นเอง

ดังนั้น ระยะทางจึงไม่ใช่ปัญหาของการมาทำความเข้าใจ

เพราะการให้ข้อมูลข่าวสารผ่านอินเตอร์เน็ท ก็เป็นการทำงานของระบบอย่างหนึ่ง
อย่าง เช่นที่พี่สุดใจ กำลังให้ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านเว็บไซด์แห่งนี้ ก็เป็นการทำงานกับระบบอย่างหนึ่ง คือการแจ้งเพื่อทราบ ในโครงการช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้ ตามที่ได้รับการถ่ายทอดข้อมูลลงมา

ถ้าบุคคลคนนั้น เป็นคนที่ระบบได้วางไว้ เขาก็จะเข้าใจได้นั่นเอง

บาง ท่าน สนใจเรื่องภัยพิบัติ ก็ได้หาข้อมูลข่าวสารมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้รับทราบ ให้ตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เริ่มรุนแรงขึ้น บุคคลนี้อาจจะทำเช่นนั้นเป็นประจำตามความชอบ ตามความสนใจ อาจไม่ทราบด้วยซ้ำไป ว่านี่คือการทำงาน

จะทำงานแบบเข้าใจ หรือไม่เข้าใจ ก็ทำงานได้เช่นกัน

จึงถูกต้อง...ทุกงาน ทุกหน้าที่ ทุกวิธี...ที่มีการดำเนินกิจกรรมเพื่อการประสานงาน

ทุกท่านที่บังเอิญพบเจอ บังเอิญเข้ามาสนใจ ก็เรียกได้ว่า....มาตามงาน
ได้ เข้ามาอ่าน มารับรู้โครงการ มาทำความเข้าใจ มาเก็บเกี่ยวประโยชน์ตนกลับไป...สักวันหนึ่งท่านก็จะรู้ได้ว่า งานของท่านคืออะไร ?

เพราะถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ไม่อาจมาพบเจอ มาเข้าใจ หรือมาเชื่อถือในเรื่องเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ระบบ / ที่มาของKAOKALA 2 T1

ระบบ / แพทย์แผนอนาคต

การใช้ขันธ์ห้า เป็นเครื่องมือในการรักษาผู้ป่วย ณ สถานที่ต่าง ๆ

การ ที่คณะแพทย์แผนอนาคต ได้ทำการรักษาผู้ป่วย จนหลายท่านอาการทุเลาเบาบาง และบางท่านหายจากอาการเจ็บป่วยเหล่านั้นเกือบจะในทันทีที่กำลังรักษา ก็ ตามนั้น

เนื่องด้วย มีเหตุปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน จึงสามารถเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

อาจมิใช่เรื่องมหัศจรรย์ใด ๆ อย่างที่คนทั่วไปคิดกัน

เหมือนเราไม่สบาย อยู่ใกล้โรงพยาบาล ไปพบหมอ หมอฉีดยา เราก็หายป่วยได้

แต่หากอีกคนไม่สบายเหมือนกัน แต่อยู่กลางดงลึก ไม่สามารถมาหาหมอได้ เขาอาจไม่รอด

นั่นคือ เหตุปัจจัยเอื้ออำนวยต่อผู้ที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล คือมาหาหมอทันก็มีโอกาสหาย

ผู้ที่อยู่ไกล เหตุปัจจัยไม่เอื้ออำนวย มาหาหมอไม่ได้ ก็มีโอกาสตาย

ดังนั้น ผู้ที่มีโอกาสได้เข้ามาหา มาถึงแพทย์แผนอนาคตได้

จะด้วยเหตุปัจจัยใด ๆ ก็ตาม เขาก็มีโอกาสที่จะหายได้เช่นกัน

บุคคลนั้น ก็ต้องมีเหตุปัจจัยเอื้ออำนวยให้มาพบเจอ

ดังนั้น อุปกรณ์ที่ใช้รักษาโรค และติดตั้งให้กับแพทย์แผนอนาคต
เพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วย เพื่อเป็นการยังประโยชน์ผู้อื่นนั้น

บุคคลที่ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ ให้ทำหน้าที่เป็นหมอใช้อุปกรณ์นั้น ๆ ได้
ก็ต้องมีเหตุปัจจัยเพียงพอ คือมีต้นทุนเก่าเพียงพอที่จะขันอาสาเพื่อมาทำงานนี้

มาทำหน้าที่ยังประโยชน์ท่านทั้งหลายที่กำลังเจ็บป่วย ตามเหตุปัจจัยแต่ละท่าน
คณะแพทย์ฯ ก็เช่นกัน ขณะทำงานไป ก็ต้องปล่อยวางไป เพื่อได้ประโยชน์ตนไปพร้อม ๆ กัน

ผู้ ที่ได้รับการรักษา ก็ต้องมีต้นทุนเก่า เหตุปัจจัยพร้อมที่จะมารับการรักษา มีโอกาสได้รับการสแกนกรรม และมีโอกาสได้ขออโหสิกรรม แล้วความเจ็บป่วยเหล่านั้นหายไป

ไม่ใช่ความมหัศจรรย์ใด ๆ แต่เหตุปัจจัยผลักดันให้เป็นไปอย่างนั้น อย่างนั้น

จึง..... ถูกต้อง....ในทุกทุกอย่าง ตามเหตุปัจจัยนั้น ๆ

หายป่วย...ก็ถูกต้อง ไม่หายป่วย...ก็ถูกต้อง

เพราะไม่อาจไปทราบได้ ว่าเหตุปัจจัยของบุคคลนั้นเป็นอย่างไร

ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาบุคคลอื่น ๆ ต่างหาก ที่ระบบมุ่งเน้นให้ทำการปล่อยวาง

ให้มองเห็นความว่าง....จากการไปยึดมั่น..ต้องเป็นอย่างนั้น..อย่างนี้

ฝึกความเห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง ตามเหตุปัจจัย

หายก็ถูกต้อง ไม่หายก็ถูกต้อง

เหมือนโรงพยาบาล มิใช่ว่าต้องหายทุกคน

บางคนหาย บางคนไม่หาย แล้วแต่เหตุปัจจัยของโรคนั้น ๆ

เพียงแต่ว่า ถ้ามีโอกาสเข้ามาถึงมือหมอ ก็จะมีโอกาสได้รับการวินิจฉัย และอาจมีโอกาสหายมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น ผู้ที่ทำทำหน้าที่รักษาผู้ป่วย อย่าได้ไปคาดหวังว่า...ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้

เพราะนี่คือเหตุแห่งทุกข์

เพราะเมื่อคาดหวัง แล้วไม่สมหวัง ท่านนั่นแหละจะเป็นผู้ทุกข์

เพราะคนมารักษาอาจจะไม่ทุกข์ เพราะก่อนมาก็เป็นอย่างนี้ กลับไปหายก็ดีแล้ว ไม่หายก็เท่าเดิม

เพราะ...คุณหมอมีเพียงมือเปล่า ๆ

สองมือเปล่า รักษาหายได้ ก็มิใช่ต้องน่าปลื้มใจอะไรนัก

สองมือเปล่า รักษาไม่หาย ก็มิใช่ต้องเสียใจอะไรนัก

ให้เห็นความเป็นอย่างนั้นเอง ของเหตุปัจจัยแต่ละคนที่เข้ามากระทบ ทั้งดีใจ เสียใจ

ผู้ที่หายป่วย ก็ยินดีปรีดา ย่อมสรรเสริญ เยินยอ ก็เป็นเช่นนั้น ตามเหตุปัจจัยเมื่อหายป่วย

ผู้ที่ไม่หายป่วย ก็เสียใจ บ่นว่ากันไป ก็เป็นเช่นนั้นตามเหตุปัจจัย เมื่อไม่หายป่วย

ถ้าเข้าใจได้ว่า เขาหายเขาก็ต้องชื่นชม สรรเสริญ เป็นธรรมดา

ถ้าเขาไม่หาย เขาก็ต้องขุ่นข้องหมองใจ นินทา ก่นด่า เป็นธรรมดา

ควรหรือ จะไปยินดี ยินร้าย กับเหตุปัจจัยของบุคคลเหล่านั้น

เขาชม เขาด่า ถ้าเห็นได้ว่า มันเท่ากัน

ท่านนั่นแหละ ที่จะไม่เป็นทุกข์

การที่จะอยู่เหนืออารมณ์ เหนือสุข เหนือทุกข์ ได้

ก็ต่อเมื่อ เข้าใจในความเป็น "เช่นนั้นเอง" ของทุกสรรพสิ่ง

นี่คือ "ประโยชน์ตน"
สิ่งเดียว...ที่...ทำได้
และหลายท่าน...ได้ทำ...ไปบ้างแล้ว


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

17 tuned / Eurythmics Sweet Dreams

17 tuned / Trans X - Living on Video (Music Video) 1982

17 tuned / Taco - Puttin' On the Ritz (Original Uncensored 1982 Version) [HQ]

Real Alien ---- From Area 51 2010

The Universe Parallel Universes Clip 2 - Space Travel

ระบบ

มนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา ได้เคยบอกตั้งแต่เมื่อได้สื่อสารมาใหม่ ๆ นับ 10 ปีแล้วว่า ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงไม่ไปใช้ประเทศที่มีเทคโนโลยีมากมายนั้น เป็นฐานในการให้ความช่วยเหลือในเรื่องของภัยพิบัติที่จะเกิดบนโลกใบนี้

แล้วยังถามอีกว่า รู้ไหม? ทำไมประเทศไทยกับ ประเทศอเมริกา จึงอยู่ตรงข้ามกัน คนละซีกโลกกัน

ซึ่งเราก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบในตอนนั้น

มนุษย์ต่างดาวกล่าวว่า เพราะว่า อีกซีกโลกหนึ่งมีความเจริญทางเทคโนโลยี อีกซีกโลกหนึ่งมีความเจริญทางด้านจิตใจ

ดังนั้น สองประเทศนี้ จึงอยู่ตรงข้ามกันคนละซีกโลก

ประเทศ ที่เจริญสูงสุดด้านเทคโนโลยี แต่ไม่มีความเจริญทางด้านจิตใจนั้น การถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไป ก็มีแต่จะใช้ไปในการเบียดเบียนบุคคลอื่น ๆ ประเทศอื่น ๆ มากขึ้น ทำเพื่อปกป้องตัวเองตลอดเวลา ด้วยความกลัว ความหวาดระแวง ความไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าจะเป็นจากมนุษย์โลกด้วยกัน หรือจากมนุษย์จากต่างโลกก็ตาม

กับอีกประเทศหนึ่ง ที่ไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีความไฮเทคใด ๆ มากมาย แต่มีความเจริญทางด้านจิตใจ และอุดมไปด้วยความเมตตาซึ่งกันและกันในส่วนมาก มีความเอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมโลก ไม่เคยแบ่งแยกชาติใด ไม่เคยคิดเอาเปรียบใคร ดังจะเห็นว่า เมื่อก่อนนี้จะมีแต่ความสงบสุข มีแต่ความสงบร่มเย็นเป็นสุข จนเป็นประเทศที่เรียกว่ายิ้มสยาม

แม้ ว่าในตอนนี้ จะเกิดการกระทบกระทั่ง เกิดความไม่สามัคคีกันไปบ้างในบางส่วน แต่โดยรวมแล้ว คนไทยก็มีน้ำใจช่วยเหลือกันมาตลอดแม้ในยามคับขัน และยิ่งในช่วงที่จะเกิดภัยพิบัตินั้น จะมีกลุ่มผู้เสียสละมากมายหลายกลุ่ม หลายคณะ หลายบุคคลเกิดขึ้น มีการเตรียมการเพื่อให้ความช่วยเหลือคนอื่น เตรียมการเพื่อต้านภัยพิบัติ เตรียมการเพื่อยกระดับจิตให้มีการปฏิบัติจิตกันมากขึ้น และพร้อมช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเสียสละ และจริงใจ

นี่คือสิ่งที่ ถูกตรงกับกฏธรรมชาติ ที่ผู้ทรงภูมิปัญญาจากจักรวาลต่าง ๆ ต้องลงมาให้ความช่วยเหลือ ตามสภาวะจิตในแต่ละกลุ่มนั้น ๆ ที่จะต้องอยู่รอดเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกสืบต่อไป

เมื่อมีความ เข้าใจในกฏธรรมชาติ มีความปราถนาดีต่อมวลมนุษย์ด้วยกัน จิตที่มีฐานของความเมตตานี้ ก็สามารถใช้เทคโนโลยีสูงสุดจากต่างดาวได้ไม่มีข้อจำกัด เพราะถึงให้เทคโนโลยีไป ก็มีแต่จะเอาไว้ใช้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อมุ่งหวังประโยนช์ใด ๆ จากเทคโนโลยีนั้นเลย

มนุษย์ต่าง ดาวบอกว่า การมายึดโลกนั้นง่าย ทำแป๊บเดียวก็ยึดได้แล้ว แต่การที่จะให้ความช่วยเหลือ ให้มนุษย์มีความเข้าใจในจุดมุ่งหมายนั้น....ยาก จึงต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจ ต้องค่อย ๆ บอกกล่าว ค่อย ๆ สอนให้เข้าใจในกฏธรรมชาติ ค่อย ๆ ให้พิจารณา และทำตัวอย่างให้รู้ให้เห็น และมอบเทคโนโลยีให้ทดลองใช้เพื่อยืนยันว่า สิ่งที่ได้มาวางโครงการไว้เพื่อช่วยเหลือภัยพิบัตินั้น เป็นเรื่องจริง

เมื่อ ผู้ที่ได้พบเจอ ได้สัมผัส ได้รับทราบจุดมุ่งหมาย และได้ไตร่ตรอง จนมีความเข้าใจในธรรมะ มีความเข้าใจในกฏธรรมชาติ ที่ต้องมีการให้ความช่วยเหลือกันตามธรรมชาติ แล้ว มนุษย์โลกที่ได้รับรู้ในกลุ่มนั้น ๆ จึงไม่ได้ตกอกตกใจ เมื่อมีผู้ที่มาจากดาวดวงไหน ๆ ก็ตาม ที่มาติดต่อสื่อสาร และมาเตรียมการให้ความช่วยเหลือ

ทำไม ผู้ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว ต้องมาอธิบายให้มนุษย์โลกเข้าใจในจุดมุ่งหมาย ที่ต้องมาทำการให้ความช่วย เหลือมนุษย์โลก...จากภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ นั่นก็ เพราะว่ามนุษย์โลกส่วนใหญ่....จะมีความเข้าใจไปในแนวทางของความรัก ตัวกลัวตาย ความกลัวอันตราย ไม่ไว้ใจทั้งประเทศใด ๆ รวมถึงมนุษย์จากนอกโลก ยิ่งไม่น่าไว้วางใจ

ดังนั้น การที่มนุษย์ต่างดาว มาติดต่อกับมนุษย์โลกทั่วโลกนั้น จึงมีการติดต่อกันในหลายระดับ ไม่เท่ากัน

มนุษย์ ต่างดาว ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าของมนุษย์โลกมากมายหลายร้อยเท่านั้น จึงไม่ได้ตื่นเต้นยินดีในเทคโนโลยีที่มนุษย์โลกในประเทศที่เจริญทางด้าน วัตถุผลิตขึ้นมา แต่กับให้ ความสำคัญกับประเทศที่ไม่มีเทคโนโลยีมากมาย แต่มีความเจริญทางด้านจิตใจเป็นหลัก ซึ่งมีความเห็นที่เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล คือเมตตาสงสารเพื่อนร่วมโลก ร่วมชะตากรรมเดียวกัน จิตที่คิดช่วยเหลือนี้จึงมีกำลัง และมีความสำคัญที่สามารถทำงานร่วมกันกับผู้ที่มาช่วยเหลือได้

ดัง นั้น....จึงมีผู้ที่เชื่อ และเหลือรอดได้เข้ามาทำงานกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลาน้อยเต็มที เพราะ เป็นการยากที่จะเข้าใจ ยากที่จะเชื่อได้

ดังที่มนุษย์ต่างดาวได้กล่าวไว้ว่า "มนุษย์ต่างดาวไม่ได้เป็นความลับ แต่บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ จึงยังเป็นความลับต่อไป"

เรา กำลังทำเรื่องที่เชื่อได้ยาก แม้จะทำอย่างเปิดเผย บอกไปทุกอย่างเท่าที่มนุษย์ต่างดาวได้บอกไว้ให้มนุษย์ได้รับรู้ เปิดเผย ให้ทราบ แต่ก็ยังไม่มีใครเชื่ออยู่ดี...

จึงควรปล่อยวาง .... กับความไม่เข้าใจของบุคคลอื่น ๆ แล้วมุ่งปฏิบัติเพื่อยกระดับจิตใจ ปล่อยวางให้ได้มากที่สุด เพื่อละอัตตา ละการยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์ 5 ให้ได้ จะได้เป็นฐานในการช่วยเหลือผู้อื่น

แม้บุคคลอื่น ๆ เขาจะเข้าใจ หรือไม่เข้าใจ....แต่โครงการของมนุษย์ต่างดาว...ก็ยังต้องให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลก...อยู่นั่นเอง.


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553